ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ได้แก่ Washington D.C อเมริกามีเนื้อทีประมาณ 3,787,319 ไมล์ (เทียบได้กับขนาดพื้นที่ประเทศไทย) มีบริเวณรัฐที่ติดต่อกัน รวม 48 รัฐ และรัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสุมทรแปซิฟิก เมื่อรวมเอารัฐอลาสก้าและฮาวายเข้าด้วยกัน สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่มากกว่า 9 ล้าน ตารางกิโลเมตร อลาสก้าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 50 รัฐ รองลงมาคือ เท็กซัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เฉพาะเท็กซัสรัฐเดียวก็ใหญ่ กว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศแล้ว ส่วนอลาสก้านั้นใหญ่กว่าเท็กซัส ถึง 2 เท่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและมีกลุ่มต่างๆ อยู่บริเวณต่างกัน เช่น China Town , Little Italy เป็นต้น ชาวอเมริกันเรียนรู้เร็ว และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความรักอิสระในการเรียนรู้ และเนื่องจากภูมิประเทศกว้างขวางทำให้ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างกันตามภูมิภาค กลุ่มเยาวชนมีงานนอกเวลาทำเป็นส่วนใหญ่เพื่อหารายได้ เสริมเพื่อกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คนอเมริกันได้รับเงินประกันสังคมและเบี้ยบำนาญรวมถึงเงินออมทรัพย์และสะสม เมื่อครบเกษียณอายุจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบสวัสดิการทางสังคม
สภาพภูมิอากาศ
มีทุกรูปแบบตั้งแต่บรรยากาศแถบขั้วโลก ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในบางส่วนของประเทศ เช่น อาจมีหิมะถล่ม พายุทอร์นาโด ไฟป่า และแผ่นดินไหวส่วนแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก อากาศในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแถบตะวันตก อากาศหนาวจะไม่เย็น จัดนักคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิต
-
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
-
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
-
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
-
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
เวลา
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มาก จึงแบ่งเวลาออกเป็น 4 เขต
-
ตะวันออก Eastern Time Zone (EST) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 12 ชั่วโมง แต่ในเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน อเมริกาเลื่อนเวลาในฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาในอเมริกาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง เมืองที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C, Miami และ Cleveland
-
ตอนกลาง (Central Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 13 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time เมืองในเขตนี้ คือ Chicago และ Orleans
-
แถบภูเขา (Mountain Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง เมืองทีอยาในเขตนี้คือ Denver และ Phoenix
-
พื้นทีย่านมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง และเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีกาปรับ Daylight Saving Time เมืองที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii
ระบบการศึกษาในสหรัฐอเมริกา
ควบคุมโดยแต่ละรัฐแยกจากกัน เด็กทุกคนจะถูกให้เรียนจบในระดับไฮสคูล และจบในระดับชั้นเกรด 12 หรือเทียบเท่า โดยผู้ปกครองสามารถเลือกให้ลูกเรียนที่โรงเรียนรัฐบาล หรือโรงเรียนเอกชน นอกจากนี้ยังมีผู้ปกครองบางกลุ่ม ที่สอนให้ลูกเรียนด้วยตนเองที่บ้านหรือในชุมชนซึ่งเรียกลักษณะนี้ว่าโฮมสคูล
ระดับอนุบาล ระดับประถม และระดับมัธยมศึกษา
ระดับอนุบาล สำหรับเด็ก 3-6 ปี ระดับประถมอายุ 6-11 ปี และระดับมัธยมศึกษาภาคบังคับ 12-18 ปี
ระดับอุดมศึกษา
ครอบคลุมถึงระดับปริญญาตรี และสูงกว่าปริญญาตรี รวมทั้ง อาชีวะศึกษา และการฝึกอบรม สถาบันที่เปิดสอน หลักสูตรเหล่านี้ได้แก่ วิทยาลัย และ มหาวิทยาลัย แบ่งออกเป็น
-
ระดับอนุปริญญา หลักสูตรคุณวุฒิสองปี รับผู้สำเร็จมัธยมศึกษา year 12 เข้าศึกษา จะเปิดสอนในวิทยาลัย ทั้งภาครัฐ และเอกชนและวิทยาลัยชุมชน และวิทยาลัยชุมชน
-
ระดับปริญญาตรี การศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นหลักสูตรที่มีการศึกษา 4 ปี รับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับ มัธยมศึกษา year 12และรับพิจรณาผู้จบอนุปริญญา 2 ปีเข้าศึกษาต่อเนื่องอีกด้วย
-
ระดับบันฑิตศึกษา เปิดสอนในมหาวิทยาลัยและสถาบันการวิจัย หลักสูตรสามารถเป็นได้ทั้งทำการวิจัย การเข้าชั้นเรียนหรืออาจเป็นการผสมผสานระหว่างสองรูปแบบโดยทั่วไป
ภาคการศึกษา
-
ระบบ semester แบ่งปีการศึกษาออกไป 2 Semesterๆ ละ ประมาณ 16 – 18 สัปดาห์ และอาจมี 1 หรือ 2 Summer Session
-
ระบบ Quarter แบ่งปีการศึกษาเป็น 4 Quarterๆ ละประมาณ 11 – 12 สัปดาห์
-
ระบบ Trimester ใน 1 ปี แบ่งภาคการศึกษา 1.First Trimester 2.Second Trimester 3.Third Trimester
-
ระบบ 4 – 1 - 4 เป็นระบบใหม่ที่ใช้ในสถานศึกษาในสหรัฐอเมริกา
งบประมาณการค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับนักเรียนที่ศึกษา ณ สหรัฐอเมริกา
-
ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ๆ ละ 1,200.00 ดอลล่าร์สหรัฐ ปีละ 14,400.00 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมเงินติดตัวค่าที่พัก และอาหาร)
-
ค่าล่าเรียนตามจ่ายจริง (ประมาณ 9 เดือน) ปีละ 16,400.00 ดอลล่าร์สหรัฐ
-
ค่าประกันสุขภาพ ตามที่จ่ายจริงปีละ 600.00 ดอลล่าร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ตามที่จ่ายจริงปีละ 150.00 ดอลล่าร์สหรัฐ
-
ค่าใช้จ่ายโดยรวมปีละประมาณ 32,300.00 ดอลล่าร์สหรัฐ
การขอวีซ่าประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับนักเรียนผู้สมัครขอวีซ่าประเภทนักเรียน (F1) สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าล่วงหน้าได้ไม่เกิน 4 เดือน (120 วัน) ก่อนวันเริ่มเรียน พิจารณาคำร้องขอวีซ่า จากการสัมภาษณ์ผู้สมัครและทราบผลขณะที่สัมภาษณ์ ใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทางสถานทูตจะจัดส่งวีซ่า หนังสือเดินทาง (Passport) ทางไปรษณีย์
ขั้นตอนการขอวีซ่า
- ดำเนินการสมัครเรียน ชำระมัดจำค่าเล่าเรียนพร้อมค่าธรรมเนียมวีซ่า เพื่อขอเอกสารตอบรับสถาบันที่สมัครเรียน (I-20)
- เตรียมเอกสารประกอบการยื่นวีซ่า กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า
- ดำเนินการกรอกคำร้องขอยื่นวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (DS 160) และนัดหมายยื่นวีซ่า(บริการโดย ISC)
- ผู้สมัครมารับเอกสาร พร้อมตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นวีซ่า และรับคำแนะแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันสัมภาษณ์ (บริการโดย ISC)
- ควรถึงก่อนเวลานัดหมาย 30 นาที ทราบผลทันทีหลังจากการสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ที่ สถานทูตสหรัฐอเมริกา 1120/22 ถ.วิทยุ เขตปทุมวัน กทม. 10330
เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่า
- แบบฟอร์มคำร้องขอยื่นวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ Confirmation DS 160
- ใบนัดหมายยื่นวีซ่า
- ใบ I-20 เอกสารตอบรับจากสถาบันที่สมัครเรียน
- ใบชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,960 และใบชำระค่าบริการสถานทูตสำหรับวีซ่านักเรียน (Sevis fee 350 USD)
- เล่มพาสปอร์ตตัวจริงที่มีอายุใช้งานเกิน 6 เดือน และพาสปอร์ตเล่มเก่าทุกเล่มที่มี พร้อมสำเนาพาสปอร์ต
- สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และสำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- หลักฐานการเรียนและหนังสือรับรองจบการศึกษา : Transcript ปีการศึกษาล่าสุดฉบับจริงพร้อมสำเนา
- หนังสือรับรองการทำงาน ของผู้สมัคร (ถ้ามี) และ Sponsor ผู้รับรองค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด
- หลักฐานการเงิน ของผู้สมัคร (ถ้ามี) และ Sponsor ผู้รับรองค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงินจากทางธนาคารเป็นภาษาอังกฤษ ระบุแปลงค่าเงิน เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
- สเตทเม้นท์ ย้อนหลัง 6 เดือน หรือ สมุดบัญชีตัวจริง ปรับสมุดบัญชีเป็นยอดเงิน ณ ปัจจุบัน
*** หากถูกปฏิเสธวีซ่า สถานทูตจะไม่คืนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ชำระแล้ว ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่สมัคร