FCPATH/modules\un\models\un_model.php [ 258 ]
253
254 if(!file_exists(FCPATH . $file_dest))
255 {
256 $_dirname = dirname(FCPATH . $file_dest);
257 if(!file_exists($_dirname) || !is_dir($_dirname))
258 mkdir($_dirname, 0755, true);
259
260
261 if(file_exists($_dirname))
262 {
263 $img = new Zebra_Image();
-
{PHP internal call} » MY_Exceptions::error_handler(arguments)
code
2
error
mkdir(): Permission denied
file
D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\modules\un\models\un_model.php
line
258
4
Array ( [file] => Test001/SC Geos/spra2.jpg [w] => 600 [h] => 315 [url] => http://inter-study.com/ [file_location] => D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\public/upload/Test001/SC Geos/spra2.jpg [_t] => 1682686728 [file_dest] => public/upload/.resize/2023/04/54f64e0e23bee967-1682686728-600x315.png [_dirname] => D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\public/upload/.resize/2023/04 )
-
FCPATH/modules\un\models\un_model.php [ 258 ] » mkdir(arguments)
pathname
D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\public/upload/.resize/2023/04
mode
493
recursive
1
253 254 if(!file_exists(FCPATH . $file_dest)) 255 { 256 $_dirname = dirname(FCPATH . $file_dest); 257 if(!file_exists($_dirname) || !is_dir($_dirname)) 258 mkdir($_dirname, 0755, true); 259 260 261 if(file_exists($_dirname)) 262 { 263 $img = new Zebra_Image();
-
FCPATH/public\themes\isc\front\institution-details.php [ 6 ] » Un_Model->photo_resize(arguments)
file
Test001/SC%20Geos/spra2.jpg
w
600
h
315
1 <?php 2 $page_name = 'institution'; 3 $meta_og = array( 4 'title' => $institute['name'], 5 'detail' => $institute['introduction'], 6 'image' => $this -> un -> photo_resize($institute['cover'], 600, 315) 7 ); 8 include 'inc/meta.php'; 9 include 'inc/header.php'; 10 ?> 11
-
FCPATH/application\third_party\MX\Loader.php [ 315 ] » include(arguments)
0
D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\public\themes\isc\front\institution-details.php
310 ob_start(); 311 312 if ((bool) @ini_get('short_open_tag') === FALSE AND CI::$APP->config->item('rewrite_short_tags') == TRUE) { 313 echo eval('?>'.preg_replace("/;*\s*\?>/", "; ?>", str_replace('<?=', '<?php echo ', file_get_contents($_ci_path)))); 314 } else { 315 include($_ci_path); 316 } 317 318 log_message('debug', 'File loaded: '.$_ci_path); 319 320 if ($_ci_return == TRUE) return ob_get_clean();
-
FCPATH/application\core\MY_Loader.php [ 110 ] » MX_Loader->_ci_load(arguments)
_ci_data
Array ( [_ci_view] => isc/front/institution-details [_ci_vars] => Array ( [countries] => Array ( [0] => Array ( [id] => 100018 [icon] => Test001/spra2.jpg [avatar] => Test001/Sprascaffee.jpg [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => มอลตา [detail] => มอลตา หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น มีประชากรทั้งหมดประมาณ 475,000 คน เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา
มอลตาเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2344 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2507 โดยได้รับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศและการเงินตามข้อตกลงที่มีกับอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี มอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2507 และยังอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ อย่างไรก็ดี ในช่วงสงครามเย็น มอลตามีรัฐบาลที่มาจากพรรคแรงงาน นำโดยนาย Dom Mintroff ซึ่งมีแนวทางสังคมนิยม-ชาตินิยม จึงดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (non-alignment) อย่างจริงจัง และได้ขอยกเลิกความตกลงที่ทำไว้กับอังกฤษฉบับปี 2507 และปี 2515 โดยขอทำความตกลงฉบับใหม่ซึ่งมีเนื้อหาที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศและเพื่อเป็นหลักประกันว่า มอลตาจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จากการที่มีฐานทัพนาโตประจำอยู่ในมอลตา ความตกลงฉบับใหม่มีระยะเวลา 7 ปี (ปี 2515-2522) สาระสำคัญโดยสรุปคืออังกฤษต้องจ่ายค่าเช่าในการคงฐานทัพในมอลตา 14 ล้านปอนด์ต่อปี ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2522 รัฐบาลมอลตาได้ขอยกเลิกการต่อสัญญาให้เช่าพื้นที่สำหรับเป็นฐานทัพ ทำให้กองกำลังอังกฤษต้องถอนกำลังออกจากมอลตาตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตายังมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้ากับหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหภาพโซเวียต จีน กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ลิเบีย ตูนิเซีย และตกลงรับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะลิเบีย อีกทั้งได้ลงนามในความตกลงรับรองความเป็นกลางและการร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ผลของการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างจริงจังทำให้ในปี 2524 สหภาพโซเวียตและอิตาลีได้ตกลงรับรองความเป็นกลางของมอลตา โดยเฉพาะอิตาลี ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินแก่มอลตาเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น มอลตายังมีความตกลงร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ในปี 2513 ซึ่งได้ต่ออายุความตกลงมาจนถึงปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศ ปัจจุบัน มอลตาเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญหลายองค์การ อาทิ สหประชาชาติ กลุ่ม 77 IAEA OSCE UNCTAD UNESCO เป็นต้น
มอลตาได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2547 มอลต้าได้เพิ่มบทบาทของตนเองในนโยบาย EU-Mediterranean ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่น ๆ มีประเทศโมรอโค อัลจีเรีย ตูนิเซีย อียิป อิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และตุรกี
[count] => 1 [state] => Array ( [100110] => Array ( [name] => Valletta [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [1] => Array ( [id] => 100003 [icon] => icon/flag-1.jpg [avatar] => icon/flag-1.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => อังกฤษ [detail] =>
1. ภูมิประเทศและที่ตั้งประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ เป็นดินแดน
ที่มีภูมิประเทศสวยงาม และความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม อุตสาหกรรม
และการศึกษา เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่าง
วัฒนธรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยพื้นที่ของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ
เกาะใหญ่ (The Great Britain) ซึ่งหมายถึงเกาะใหญ่ของอังกฤษ ที่รวมอาณาเขตของอังกฤษ (England)
เวลส์ (Wales)และสก็อตแลนด์(Scotland) ไว้ด้วยกันและเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)
พื้นที่โดยรวมของประเทศประมาณ 240,000 ตารางกิโลเมตรโดยมีกรุงลอนดอน (London)
เป็นเมืองหลวงของประเทศ2. สภาพภูมิอากาศภูมิประเทศของเกรท บริเทน (Great Britain) เป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็น
ไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้
และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม
ประมาณ 5 องศาเซลเซียสและสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส
3. ฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม-พฤษภาคมอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บางวันอากาศอบอุ่น มีแสงแดดจัดใน ตอนเช้า และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนาวเย็นหรือ ฝนตกในช่วงบ่าย
- ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน-สิงหาคมอากาศ ส่วนใหญ่จะอบอุ่นและแสงแดดจัดจ้า
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามและร่วงหล่น
- ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศช่วงนี้ จะหนาวมากที่สุด มีหิมะตกในบางพื้นที่กลางคืนจะยาวกว่า กลางวันและมืดเร็วกว่าปกติ
4. เวลา
ประเทศอังกฤษมีเวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม
5. ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา ดังในรูปภาพไปด้วย โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน
6.น้ำประปา
การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยนักเรียนสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี
7. ระบบเงินตรา
สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศ สกุลเงินแบ่งออกเป็นธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี นักเรียนสามารถแลกเงินได้ที่ธนาคารทั่วไปหรือสถานที่รับแลกเงินที่เรียกว่า bureau de change เช่น Thomas Cook, American Express, Chequepointและ Exchange International นอกจากนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เช่น แฮร์รอดส์ หรือมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินด้วย โดยควรสอบถามอัตราแลกเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด เวลาทำการของธนาคารคือ ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.30 – 15.30 น. มีบางแห่งที่ปิดเวลา 17.00 น. เช่น บางสาขาของธนาคาร Bank of Scotland และบางแห่งเปิดทำการในวันเสาร์ด้วยตั้งแต่เวลา 9.30 – 12.00 น. คือ Nat West
8. การติดต่อสื่อสาร
ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาทำการมักเปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.30 น. และในวันเสาร์ เวลา 9.00 – 12.00 น. แต่ที่ทำการที่ Trafalgar Square เลขที่ 24 William IV Street, WC2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ Trafalgar Square เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 20.00น. ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ สามารถหาซื้อแสตมป์สะสมที่จัดทำขึ้นตามเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาสได้
แสตมป์ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายหนังสือพิมพ์ จดหมายในประเทศติดแสตมป์ 32 เพนซ์จะส่งถึงวันรุ่งขึ้น ถ้าต้องการส่งกลับมาประเทศไทย 67 เพนซ์สำหรับจดหมาย (ราคาต่ำสุด)
ราคาและรายละเอียดอื่น ๆ สามารถหาได้จาก http://www.royalmail.com/portal/rm
ตู้ไปรษณีย์สีแดงแบบเก่ามีตั้งอยู่ริมถนนทั่วไป ส่วนตู้แบบใหม่สีแดงเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่าจะอยู่กับผนังตึกโทรศัพท์
- อัตราค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ใช้ การโทรศัพท์ออกนอกประเทศ ช่วงระยะเวลาที่ ประหยัดคือตั้งแต่เวลา 18.00 - 08.00 น. สอบถามค่าบริการอีกครั้งด้วยการหมุนไปที่หมายเลข 155 หากโทรศัพท์โดยผ่านโอเปอเรเตอร์ต้องเสียค่าบริการมากกว่าโทรโดยตรง
- หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน : 00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-2612500 ต้องหมุน 00-66-2-2612500 เป็นต้น
- เบอร์โทรศัพท์ที่ผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเรียกเก็บเงินปลายทางคือ 0800 89 0066 สำหรับผู้ที่ มีความประสงค์จะโทรศัพท์จากประเทศไทยไปลอนดอน สามารถทำได้โดยกดรหัส 001 44 20 หรือ 001 44 181
[count] => 19 [state] => Array ( [100006] => Array ( [name] => LONDON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100008] => Array ( [name] => OXFORD [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100010] => Array ( [name] => HASTINGS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100011] => Array ( [name] => EDINBURGH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100012] => Array ( [name] => MANCHESTER [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100013] => Array ( [name] => SALISBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100014] => Array ( [name] => BRIGHTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100016] => Array ( [name] => LIVERPOOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100017] => Array ( [name] => BATH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100018] => Array ( [name] => CAMBRIDGE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100019] => Array ( [name] => CANTERBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100020] => Array ( [name] => EASTBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100021] => Array ( [name] => TORQUAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100022] => Array ( [name] => BRISTOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100044] => Array ( [name] => BOURNEMOUTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100056] => Array ( [name] => NEW CASTLE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100058] => Array ( [name] => ์NORTHAMPTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100060] => Array ( [name] => NORWICH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100111] => Array ( [name] => BIRMINGHAM [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [2] => Array ( [id] => 100002 [icon] => icon/flag-2.jpg [avatar] => icon/flag-2.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => สหรัฐอเมริกา [detail] =>ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ได้แก่ Washington D.C อเมริกามีเนื้อทีประมาณ 3,787,319 ไมล์ (เทียบได้กับขนาดพื้นที่ประเทศไทย) มีบริเวณรัฐที่ติดต่อกัน รวม 48 รัฐ และรัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสุมทรแปซิฟิก เมื่อรวมเอารัฐอลาสก้าและฮาวายเข้าด้วยกัน สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่มากกว่า 9 ล้าน ตารางกิโลเมตร อลาสก้าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 50 รัฐ รองลงมาคือ เท็กซัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เฉพาะเท็กซัสรัฐเดียวก็ใหญ่ กว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศแล้ว ส่วนอลาสก้านั้นใหญ่กว่าเท็กซัส ถึง 2 เท่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและมีกลุ่มต่างๆ อยู่บริเวณต่างกัน เช่น China Town , Little Italy เป็นต้น ชาวอเมริกันเรียนรู้เร็ว และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความรักอิสระในการเรียนรู้ และเนื่องจากภูมิประเทศกว้างขวางทำให้ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างกันตามภูมิภาค กลุ่มเยาวชนมีงานนอกเวลาทำเป็นส่วนใหญ่เพื่อหารายได้ เสริมเพื่อกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คนอเมริกันได้รับเงินประกันสังคมและเบี้ยบำนาญรวมถึงเงินออมทรัพย์และสะสม เมื่อครบเกษียณอายุจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบสวัสดิการทางสังคม
สภาพภูมิอากาศ
มีทุกรูปแบบตั้งแต่บรรยากาศแถบขั้วโลก ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในบางส่วนของประเทศ เช่น อาจมีหิมะถล่ม พายุทอร์นาโด ไฟป่า และแผ่นดินไหวส่วนแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก อากาศในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแถบตะวันตก อากาศหนาวจะไม่เย็น จัดนักคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิต
-
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
-
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
-
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
-
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
เวลา
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มาก จึงแบ่งเวลาออกเป็น 4 เขต
-
ตะวันออก Eastern Time Zone (EST) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 12 ชั่วโมง แต่ในเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน อเมริกาเลื่อนเวลาในฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาในอเมริกาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง เมืองที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C, Miami และ Cleveland
-
ตอนกลาง (Central Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 13 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time เมืองในเขตนี้ คือ Chicago และ Orleans
-
แถบภูเขา (Mountain Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง เมืองทีอยาในเขตนี้คือ Denver และ Phoenix
-
พื้นทีย่านมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง และเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีกาปรับ Daylight Saving Time เมืองที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii
ประเทศนิวซีแลนด์ อยู่บริเวณ ตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแปซิฟิค ทางด้านตะวันออก และทะเลทัสมัน ทางด้านตะวันตก นิวซีแลนด์ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะเหนือ (North Island) และ เกาะใต้ (South Island) และเกาะเล็ก เกาะน้อย อีกจำนวนหนึ่ง นิวซีแลนด์มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 268,000 ตารางกิโลเมตร ขนาดจะ ใกล้เคียงกับประเทศอังกฤษ ลักษณะเกาะมีรูปร่างยาว ที่ประกอบไปด้วยชายหาด มากมาย และทะเลเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกและ เลี้ยงสัตว์ มีบ่อน้ำร้อน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ บ่อโคลนเดือด บริเวณเทือกเขา สูงมีหิมะ ขาวปกคลุม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย และสวยงาม
เกาะและเมืองที่สำคัญ ของ นิวซีแลนด์
เกาะเหนือ (North Island)
โอ๊คแลนด์ (Auckland)
เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา และอ่าวมานูเกา เป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม ของประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองแห่งการเล่นเรือใบ มีแม่น้ำไวกาโต ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาว ที่สุดในนิวซีแลนด์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่เหมาะแก่การเรียน มีโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง ใน โอ๊คแลนด์โอ๊คแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ โอ๊คแลนด์ เช่น
Auckland's Sky Tower
Mount Eden
Kelly Tarlton's
Auckland Museum
National Maritime Museum
Auckland Zoo
Auckland Regional Botanical Garden
Victoria Park Market
เวลลิงตัน (Wellington)
เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ คือ เวลลิงตัน ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายสุดของ เกาะเหนือ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลและเมืองนี้ได้รับสมญาว่าเป็น Windy city เวลลิงตันเป็นเมืองท่าที่เชื่อมระหว่าง เกาะเหนือ และเกาะใต้ ที่มีช่องแคบคุก (cook) คั่นกลาง ทำให้เกิดกระแสลมแรง เป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญ ผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ตั้งอยู่บนอ่าวของทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ มีความสำคัญในด้านการปกครอง และเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะเหนือและเกาะใต้
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ อาทิ เช่น
Wellington Zoo
Te Papa
National Opera
Wellington Botanic
National Art Gallery,
National Library,Gardens
National War Memorial
โรโตรัว (Rotorua)
โรโตรัว เป็นเมืองของนิวซีแลนด์ที่เรียกได้ว่า “เมืองแห่งสปาและการท่องเที่ยว” เนื่องจาก เมืองนี้อุดมไปด้วย แหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ ด้วยปลาเทราต์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองโบราณที่สั่งสมวัฒนธรรมของชาวเมารี ทำให้เมือง นี้เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน สำหรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองโรโตรัวอาทิเช่น
Te Whakarewarewa
Polynesian
Lake Rotorua
Rainbow Spring Farm, Ohinemutu,
Waikite Valley Thermal Pool
Skyline Skyride
Whirinaki Forest Park=
เกาะใต้ (South Island)
ไคร้สท์เชิร์ช (Christchurch)
เป็นเมืองเก่าแก่และ ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษอย่างแท้จริง มีสวนดอกไม้สวยงาม มีแม่น้ำเอวอนไหลผ่านกลางเมืองและประกอบด้วยสถาปัตยกรรมในรูปแบบของอังกฤษยุคบุกเบิก ไคร้สท์เชิร์ชถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสวนดอกไม้ตระการตา (Garden City)
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองไคร้สท์เชิร์ชอาทิ เช่น
Cathedral Square Church of England,
Botanic Gardens and Hagley Park,
Canterbury Museum,
Willowbank Wildlife Reserve,
Southern Encounter Aquarium and Kiwi House,
The Roman Catholic Basilica
Christchurch City Art Gallery
ดูนิดิน (Dunedin)
ดะเนดิน หรือ สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในเขต Otago เป็นที่ตั้ง ของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ University of Otago ปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทัวร์ธรรมชาติ (Eco-tour) เช่น ทัวร์ดูนกเพนกวิน, ทัวร์ดูแมวน้ำ, และการเดินป่าแบบธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองดะเนดินอาทิเช่น
Taieri Gorge Railway,
Royal Albatross Centre,
Centre and Westpac Aquarium,
Dunedin’s Botanic Gardens
Otago Museum and Discovery World
University of Otago
New Zealand Sports Hall of Fame,
New Zealand Marine Studies
ประชากร ของนิวซีแลนด์
ชาวนิวซีแลนด์ หรือ ชาวกีวี ปัจจุบันมีประมาณ 3.6 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ และประมาณ 151,100 คนเป็นชาวเมารี (Maori) และนอกเหนือจากนั้นยังมีชาวโพลีนีเซียน จีน อินเดีย และผู้อพยพจากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนิวซีแลนด์
ศาสนา ของ นิวซีแลนด์
ประชากรส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์นับถือศาสนาคริสต ์สำหรับศาสนาอื่น เช่น ยิว อิสลาม ฮินดู พุทธ จะมีสถานที่สำหรับบูชาศาสนาของตนเองตามเมืองใหญ่ คริสต์ นิกาย Anglican, Prebyterian, Roman Catholic, Methodist, Baptist และอื่นๆ
สภาพภูมิอากาศ นิวซีแลนด์
ประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ โดยทั่วไปอากาศของนิวซีแลนด์จะสบายๆ ค่อนข้างเย็น แต่ไม่ถึงกับเย็นจัดจนหิมะตก เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้
ฤดู ช่วงเดือน เกาะเหนือ เกาะใต้ ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ 16-25 C 13-22 C ฤดูใบไม้ร่วง มีนาคม-พฤษภาคม 13-19 C 7-17 C ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม 8-13 C 2-10 C ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน 11-17 C 7-17 C เงินตรา ของนิวซีแลนด์
หน่วยเงินตราของประเทศนิวซีแลนด์ คือ NZ$ ดอลล่าห์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
ธนบัตรนิวซีแลนด์ มีมูลค่า $1, $2, $5, $10, $20, $100
เงินเหรียญที่เป็นเซ็นต์ มีมูลค่า 5 เซ็นต์, 10 เซ็นต์, 20 เซ็นต์, 50 เซ็นต์
เวลาของ นิวซีแลนด์
เวลาของประเทศนิวซีแลนด์ จะเดินเร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงระหว่างตอนต้นเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนมีนาคม ที่เวลาของนิวซีแลนด์จะเร็วกว่าประเทศไทยเป็น 6 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นช่วงเวลา Day Light Saving
ไฟฟ้าของนิวซีแลนด์
ทางประเทศนิวซีแลนด์ ใช้กระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ (V) และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขา ฉะนั้นอย่าลืมว่า ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย และถ้าหากจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยต้องใช้ Adapter ในการแปลงกระแสไฟฟ้า ให้เป็นระบบเดียวกับกระแส ไฟฟ้าซึ่งสามารถหาซื้อ Adapter ได้ที่ประเทศไทย
เชื้อชาติ ของ นิวซีแลนด์
ชนผิวขาว นิวซีแลนด์ 75 %
ชาวพื้นเมืองเชื้อสายเมารี10 %
ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายชาวเกาะแปซิฟิกใต้ 5 %
ชาวเอเชีย และ ชนชาติอื่นๆ 10 %
วัฒนธรรมและสังคม นิวซีแลนด
นิวซีแลนด์ มีวัฒนธรรม 2 แบบ คือ วัฒนธรรมคนผิวขาว ซึ่งคล้ายคลึงกับคนยุโรปและอเมริกัน และวัฒนธรรมเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคร่งครัดในเรื่อง ขนบธรรมเนียมพิธีรีตอง
[count] => 3 [state] => Array ( [100036] => Array ( [name] => AUCKLAND [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100037] => Array ( [name] => WELLINGTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100103] => Array ( [name] => CRISTCHURCH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [4] => Array ( [id] => 100010 [icon] => icon/flag-3.jpg [avatar] => icon/au.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => ออสเตรเลีย [detail] => ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง
ชาวนิวซีแลนด์โดยทั่วไปเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และช่วยเหลือผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ นอกจากนั้น เป็นคนที่ถือเรื่องการรักษาการนัดหมายอย่างเคร่งครัด การให้ทิปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ในประเทศนิวซีแลนด์ บางครั้งบริกรจะปฏิเสธเงินค่าทิป
พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้งและอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียมีความอุดมสมบูรณ์มาก ฝนตกชุก ที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ โคอะล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสซั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด
สภาพภูมิอากาศ
ออสเตรเลียแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสมาเนีย ประมาณ 0-12องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 33-34องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
- ฤดูหนาว : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
- ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
ปัจจุบันออสเตรเลียมีประชากร 19 ล้านคน อาศัยอยู่หนาแน่นแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรมกว่า 140 ประเทศที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสังคมแบบสหวัฒนธรรม
ประชากร
เวลา
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่างของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time, GMT) โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้
- Eastern Standard Time-EST เร็วกว่าเวลา GMT 10 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria , Tasmania , Queensland และ Canberra
- Central Standard Time - CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง Northern Territory
- Western Standard Time - WST เร็วกว่าเวลา GMT 8 ชั่งโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia
รัฐและเมืองต่างๆ
ออสเตรเลียประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล
- Australian Capital Territory มณฑลนครหลวงของออสเตรเลีย แคนเบอร์ร่า ( Canberra ) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างดีเยี่ยม เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับชาติ และหน่วยงานสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมทั้งสถานทูตไทย
- New South Wales นิวเซาท์เวลส์ เมืองหลวงชื่อซิดนีย์ ( Sydney ) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วย เป็นรัฐที่พัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคัก มีสีสัน มีชีวิตชีวา สัญลักษณ์ของเมืองคือโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ( Sydney Harbour Bridge )
Queensland ควีนส์แลนด์ เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีเมืองหลวงคือบริสเบน ( Brisbane ) รัฐนี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีแสงแดด ( Sunshine State ) มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกชื่อ Great Barrier Reefs มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์
South Australia เซาท์ออสเตรเลีย เมืองหลวงชื่อ อะดิเลด ( Adelaide ) ครั้งหนึ่งเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งเทศกาล" เนื้อที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งมีพื้นที่เกษตรกรรมเพียง 10% ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ชั้นเยี่ยม
Tasmania ทัสมาเนีย เมืองหลวงคือโฮบาร์ต ( Hobart ) ทัสมาเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขาและที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของออสเตรเลีย เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ทัสมาเนีย ( University of Tasmania )
Western Australia เวสเทอร์นออสเตรเลีย เมืองหลวงคือเพิร์ธ ( Perth ) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 12,500กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตเพชรได้มากเป็นอันดับสามของโลก เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงามและอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
Victoria วิคตอเรีย รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงคือเมลเบิร์น เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองและ เป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามากเป็นอันดับสอง
การปกครอง
รัฐบาลสหพันธรัฐรับผิดชอบกิจการระดับประเทศ เช่นการป้องกันประเทศ การต่างประเทศ ส่วนรัฐบาลในระดับรัฐ ดูแลด้านการศึกษาการคมนาคม ขนส่ง การบริหารสาธารณสุข การเกษตร การรักษากฎหมายภายในรัฐของตน และรัฐบาลระดับท้องถิ่น ดูแลสาธารณูปโภค การระบายน้ำ การขจัดของเสีย สวนสาธารณะ ห้องสมุดประชาชน
ไฟฟ้า
ใช้กระแสไฟฟ้า 240-250 V, AC 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา ถ้าจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทย เช่น วิทยุ ต้องใช้ Adapter ซึ่งหาซื้อได้ทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลีย
ประปา
น้ำประปาสะอาด สามารถใช้สำหรับดื่มได้
ศาสนา
ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีศาสนาอื่นๆ เช่น พุทธ อิสลาม และยิว ด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยออสเตรเลียให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา วัฒนธรรม เนื่องจากประชากรแต่เดิมส่วนใหญ่อพยพมาจากทวีปยุโรป จึงทำให้วัฒนธรรมเป็นแบบตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์
สกุลเงิน
สกุลเงินตราของประเทศออสเตรเลียคือ ดอลลาร์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
- เหรียญสีเงิน 5 เซ็นต์ , 10 เซ็นต์ , 20 เซ็นต์ , 50 เซ็นต์
- เหรียญสีทอง 1 ดอลลาร์ , 2 ดอลลาร์
- ธนบัตร 5 ดอลลาร์ , 10 ดอลลาร์ , 20 ดอลลาร์ , 50 ดอลลาร์ , 100 ดอลลาร์
[count] => 12 [state] => Array ( [100029] => Array ( [name] => SYDNEY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100030] => Array ( [name] => BRISBANE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100031] => Array ( [name] => MELBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100032] => Array ( [name] => ADELAIDE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100033] => Array ( [name] => PERTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100034] => Array ( [name] => CAIRNS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100035] => Array ( [name] => GOLD COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100104] => Array ( [name] => BYRON BAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100105] => Array ( [name] => NOOSA [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100106] => Array ( [name] => SUNSHINE COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100107] => Array ( [name] => SURFERS PARADISE [detail] => Surfers Paradise [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100109] => Array ( [name] => Darwin [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [5] => Array ( [id] => 100012 [icon] => icon/flag-4.jpg [avatar] => icon/ca.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => แคนาดา [detail] => แคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือพระราชินีอลิซาเบธที่สองเป็นกษัตริย์ ( หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับของสหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง แม้จะเป็นบุคคลเดียวกัน โดยมงกุฎและบัลลังก์นั้นใช้คนละแบบ ไม่ได้ใช้ร่วมกัน )
การแบ่งเขตการปกครอง แคนาดาเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 10 รัฐ (provinces ) และ 3 ดินแดน ( territories ) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรัฐกับดินแดนคือ รัฐของแคนาดาได้รับมอบอำนาจจากบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง ขณะที่ดินแดนของแคนาดาจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายของสหพันธรัฐ ดังนั้น รัฐบาลสหพันธ์จึงมีอำนาจโดยตรงในการควบคุมดูแลดินแดน ส่วนรัฐบาลของรัฐนั้นจะมีอำนาจและสิทธิในการปกครองตนเองมากกว่า
รัฐและดินแดนของแคนาดามีรายชื่อดังต่อไปนี้
- แอลเบอร์ตา
- บริติชโคลัมเบีย
- แมนิโทบา
- นิวบรันสวิก
- นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์
- โนวาสโกเชีย
- ออนแทรีโอ
- ปรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์
- ควิเบก
- ซัสแคตเชวัน
ดินแดน
- นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
- นนาวต
- ยูคอน
รูปแบบการปกครอง
แบบสหพันธรัฐประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แคนาดาจัดเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งหมายความว่า อำนาจการบริหารจะมีการจัดสรรให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมณฑลและเขตปกครองสามารถปกครองตนเองได้
ผู้นำรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นองค์พระประมุข ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเป็นผู้แทนพระองค์
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก และรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เมืองหลวง กรุงออตตาวา
สภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศของแคนาดามีความหลากหลายตั้งแต่ขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็นเป็นน้ำแข็งที่เส้นรุ้งที่70 ไปจนถึงแนวป่าอันเขียวขจีของแถบชายฝั่งตะวันตกของบริติชโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว แคนาดามีฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด 4 ฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแถบภูมิภาคใกล้ชายแดนสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น อุณหภูมิในช่วงกลางวันของฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 25องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วงจะอยู่ในระดับปานกลาง
หลายปีที่ผ่านมา ชาวแคนาเดียนได้ปรับตัวอย่างมากให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ โดยการติดตั้งเครื่องทำความร้อนในที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงระบบขนส่งมวลชน ที่มีการติดตั้ง ระบบความร้อนเช่นเดียวกับที่ทางเดินระหว่างอาคารในสถานศึกษา
เศรษฐกิจ
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ถึงร้อยละ 45 สำหรับการส่งออก และร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้า รูปแบบการค้าและการลงทุนของแคนาดาจะพึ่งพิงกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออก อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( North American Free Trade Agreement: NAFTA ) ซึ่งยิ่งช่วยเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (
สำหรับระบบภาษีนำเข้าของแคนาดาประมาณ ร้อยละ 90 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 อีกทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศด้อยพัฒนา ยกเว้นในสินค้าประเภทนม สัตว์ปีกและไข่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ ทองคำ ถ่านหิน เหล็ก นิกเกิล โพแทช ยูเรเนียม สังกะสี รวมทั้งป่าไม้
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่ เครื่องยนต์ รถยนต์ กระดาษ ไม้เนื้ออ่อน พลังงานปิโตรเลียมดิบ แก๊สธรรมชาติ ไฟฟ้า อะลูมิเนียม อุปกรณ์สื่อสาร ชิ้นส่วนอากาศยาน ระบบคอมพิวเตอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเยอรมนี
ภาคการบริการเป็นภาคกิจการที่สำคัญที่สุดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารชั้นนำของแคนาดา 6 แห่ง เป็นหนึ่งใน 100 ธนาคารชั้นนำของโลก และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมถึงธนาคารโนวาสโกเชีย ซึ่งมีสาขาอยู่ในไทยด้วย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ทำให้แคนาดาสามารถพัฒนาความก้าวหน้าในภาคกิจการนี้เป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมที่สำคัญของแคนาดา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารและคมนาคม เหมืองแร่ และพลังงาน
ประชากร
32.14 ล้านคน (เมษายน 2548)
วัฒนธรรม
สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2543 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
โดยในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) รัฐสภาแคนาดาได้ออกกฎหมายคนเข้าเมืองตามข้อเสนอของพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้จนทุกวันนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการยกเลิกการเลือกปฏิบัติ ( ก่อนหน้านี้ มีการออกกฎหมายปี พ.ศ. 2430 ( ค.ศ. 1887 ) เพื่อกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน และต่อมาปี ค.ศ. 1910 ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น preferred ซึ่งคือ กลุ่มคนยุโรป และ non-preferred ได้แก่ กลุ่มที่ไม่ใช่ยุโรป ) กล่าวคือ การเปิดรับคนเข้าเมืองจากทุกที่อย่างเป็นทางการทั่วไป และการใช้วิธีการคิดคะแนนประเมินน้ำหนัก ( point system ) ว่าสมควรรับผู้ใดเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี - คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือ การส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สังคมแคนาดาจะสนใจอย่างยิ่งต่อพัฒนาการในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน- ตั้งอยู่ที่เซนต์จูเลี่ยน ฝั่งตะวันออกของประเทศมอลต้า
- มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย
- หลากหลายความบันเทิงยามค่ำคืน
สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส เซนต์จูเลี่ยน อยู่ในทำเลที่มีอากาศดี อาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษ เป็นอาคารก่อสร้างด้วยหินสวยงามสไตล์กรีก ทางเดินรูปโค้งไสตล์โรมันที่คุณจะต้องประทับใจเมื่อได้เห็น สถาบันตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบบนอ่าวเซนต์จูเลี่ยน และใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่เรียกว่า Paceville
สถาบันมีห้องเรียนติดแอร์เกือบทั้งหมด มีอพาร์ทเมนต์ ห้องอาหาร และสวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และสนามวอลเล่ย์บอลชายหาดครบครัน มอลต้าเป็นประเทศที่มีแดดออกตลอดทั้งปีเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยว และนี่จึงทำให้โรงเรียนสปร๊าคคาเฟ่ เซนต์จูเลี่ยน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียน และพักผ่อนที่ดีที่สุด
หากคิดเรียนภาษาอังกฤษและต้องการความสนุกสนานในอากาศแบบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ลองดูที่ทางตอนใต้ของยุโรปสิ เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเกาะซิซิลีของอิตาลี และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ที่นี่มีแสงแดดส่องตลอดทั้งปีเหมือนแอฟริกาเหนือ มอลต้ามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยถูกครอบครองจากชาวโรมัน ชาวโฟนีเชี่ยน ชาวฝรั่งเศส และชาวอังกฤษ จึงทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชาวมอลต้านับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค ที่นี่มีวันหยุดทางศาสนามากที่สุด และมีจำนวนโบสถ์มากที่สุดเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มอลต้าเป็นประเทศที่น่าเรียนภาษาอังกฤษก็เพราะ มรดกที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ที่อังกฤษยึดครองมอลต้าเพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มอลต้าก็เหมือนประเทศอาณานิคมอื่นๆ เมื่อหลังจากถูกอังกฤษยึดครอง ก็ได้บังคับใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ระบบการศึกษาก็เป็นแบบอังกฤษ นอกจากนั้นสถาบันภาษาของมอลต้าก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ชาวมอลตีสมีบุคลิคลักษณะเหมือนชาวเมดิเตอร์เรเนี่ยน พวกเขาผสมผสานทั้งความเป็นอิตาลี สเปน และอังกฤษเข้าด้วยกัน พวกเขาขับรถทางซ้ายเหมือนที่อังกฤษ มีการนอนหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายเหมือนที่อิตาลี และสเปน ถึงอย่างไรก็ตามคนมอลตีสก็เป็นคนไม่มีทิฐิ เปิดใจกว้างสนใจในวัฒนธรรมของชนชาติอื่น และสนุกสนาน
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ทำไมเลือกเรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน และก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สระน้ำที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
บรรยากาศภายในสถาบัน
ภายในโรงเรียนและที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์ คุณจะได้พบกับสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นบาร์ ร้านอาหาร ดิสโก้ ภายในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเราที่เซนต์จูเลี่ยน คุณสามารถใช้เวลาว่างได้ที่นี่ และบรรยากาศสวนโดยรอบๆ จะทำให้คุณมีความรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเรียนรู้ได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน:
- อุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย
- เครื่องปรับอากาศทุกห้องเรียน
- ห้องสมุดและคอมมอนรูมสำหรับศึกษาเพิ่มเติม
- อินเตอร์เน็ต, free wi-fi สำหรับนักเรียน
- เลาจ์ พร้อมทีวี เครื่องเล่น DVD โต๊ะพูลและอื่นๆ
สำหรับคนที่ชอบในการกีฬา หลักเลิกเรียนคุณสามารถว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ หรือชายหาด เช่นวอลเลย์บอลชายหาดภายในวิทยาเขตของโรงเรียน ใกล้กับห้างสรรพสินค้า และมีศูนย์การสอนดำน้ำ
สถานที่ตั้งของสถาบัน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน
สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน แต่ก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน
ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร, บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
กิจกรรมพิเศษ
ทางสถาบันมีทีมงานที่คอยจัดกิจกรรมสำหรับหลังคาบเรียน และช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม, ท่องเที่ยว และกีฬาต่างๆ
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษ- หลักสูตรเข้มข้น, เตรียมสอบ, ตัวต่อตัว, หลักสูตรธุรกิจ และอื่นๆ
- ราคารวมการสอบวัดระดับ และ certificate แล้ว
- สอนโดยอาจารย์เจ้าของภาษา
- หลักสูตรมีความยืดหยุ่นเหมาะกับนักเรียน
มอลต้าไม่ได้มีเพียงแค่มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงแดดสาดส่องตลอดทั้งปี ชายหาดและน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษกับผู้คนชาวมอลตีสที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการและมีความเป็นมิตรด้วย บรรยากาศที่ผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ! โดยเรามีครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ กาสื่อสาร บรรยากาศที่สนุกสนานให้การเรียนในห้องเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
คุณจะได้ทำการทดสอบระดับภาษาของคุณ เพื่อให้สามารถจัดคุณเข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับคุณได้ ในห้องเรียนคุณจะได้ร่วมทำกิจกรรม แสดงความคิดเห็นร่วมกัน การถามและการตอบ แสดงบทบาทสมมุติ รวมทั้งหลักสูตรการฟังและการอ่าน
หลักสูตรของเรา
Sprachcaffe Languages PLUS มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย สามารถดูได้ตามตารางด้านล่าง ซึ่งสถาบันของเรามีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อาจารย์ผู้สอนมืออาชีพที่มีคุณภาพ และเป็นเจ้าของภาษา
- วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเข้าใจง่ายแม้เป็นผู้เริ่มเรียน
- หลักสูตรการสอนที่ออกแบบโดยทางสถาบัน มีจำนวนระยะเวลาเรียนที่เหมาะสม ทั้งหลักสูตรและอุปกรณ์
การเรียนมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Course details Lessons per Week* Minimum Duration Group Size More Info Standard Course 20 2 weeks 10 "More Info" Intensive Course 30 1 week 10 "More Info" One to One Course 10, 20 or 30 1 week 1 "More Info" ** FCE, CAE Exam Preparation Course 20 10/12 weeks 10 "More Info" ** Standard Course/ IELTS Exam Preparation 20 12 weeks 10 "More Info" *** Standard Course/ University Pathways 20 12 weeks 10 "More Info" *1 บทเรียน = 45 นาที
**ยังไม่รวมค่าสอบ
Study Club จะเป็นโปรแกรมใหม่ที่ทางสถาบันเพิ่มเติมให้นักเรียนในปี 2019 โดยจะเป็นระยะเวลา 2 บทเรียน หรือ 1.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ฟรี ซึ่ง รวมอยู่ในทุกหลักสูตรที่นักเรียนเลือกเรียน นักเรียนสามารถใช้เวลาตรงส่วนนี้ พูดคุยกับครูผู้สอนให้ช่วยสอน ให้คำแนะนำในส่วนของการบ้าน และอื่นๆ รวมทั้ง Resume ในการสมัครงาน ซึ่งครูของทางเราจะช่วยนักเรียนในการ รีวิว และแนะนำการเขียนทางด้านภาษา ไวยกรณ์ และอื่นๆ
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก- มีที่พักหลายประเภทให้เลือก
- เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นและเพื่อนต่างชาติ
- ที่พัก อพาร์ทเม้นท์ โฮมสเตย์ หรือสตูดิโอ
เมื่อคุณสมัครเรียนภาษากับ สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส จะมีที่พักให้เลือกหลายประเภท ซึ่งเราจัดไว้ให้เหมาะสมกับการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และให้สนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่ ในที่พักที่แสนสบาย ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่ซึ่งจะทำให้คุณอยู่สบายเหมือนอยู่บ้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกที่พักแบบใด ที่พักทุกประเภทของเราสามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แบบอพาร์ทเม้นท์เป็นการพักกับเพื่อนักเรียนจากนานาชาติ หากต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องน้ำและห้องครัวคุณสามารถเลือกพักแบบสตูดิโอได้ หรือจะเลือกพักกับโฮมสเตย์ซึ่งเป็นคนในท้องถื่นของประเทศนั้นๆ
นอกจากการเรียนภาษาในห้องเรียนแล้ว ยังได้ฝึกฝนภาษาใหม่นี้ในชีวิตประจำวันกับคนอื่นๆที่ได้พบเจออีกด้วย
Standard Apartment- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อาหารเช้าอาหารสองมื้อหรืออาหารสองมื้อที่
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
- อยู่ในสถาบันหรือสูงสุด เดิน 10 นาที
Comfort Apartment
- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- ห้องพักกว้างขวาง. ห้องพักกว้างขวาง
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
Studio- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมอุปกรณ์ทำอาหาร
-
กิจกรรมนอกห้องเรียน
กิจกรรม - ท่องโลกใต้น้ำ
- ศิลปะจากธรรมชาติที่ Gozo
- พักผ่อนที่ Mdina’s narrow alleyways
- บันเทิงยามค่ำคืนที่ Paceville
-
เวลาว่าง
ที่มอลต้า มีกิจกรรมมากมายที่รอคุณอยู่ ไม่เพียงแต่โลกใต้น้ำแสนสวยงาม เนื่องจากมอลต้าเป็นเกาะเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเกาะ จึงอยู่ใกล้ๆกัน เเละสามารถท่องเที่ยวเเละเดินทางง่าย อีกทั้งเทศกาลที่มีสีสัน, วัฒนธรรม, ละคร, กีฬา, โรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงยามค่ำคืน เรียกได้ว่ามอลต้ามีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ที่นี่มีอาคารเก่าแก่ที่น่าสนใจ เเละเหมาะกับการพักผ่อน อีกทั้งยังมีสวนวัลเลตตาเเละถนนที่เงียบสงบของ Mdina สามารถเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาใน Paceville เเละสำหรับผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม, มอลต้ายังมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์และงานศิลปะที่มีคุณค่า
เเละ คุณสามารถใช้บริการเรือข้ามฟาก ข้ามต่อไปยังซิซิลี ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายรับรองว่ามอลต้าจะทำให้คุณประทับใจเเละไม่เบื่อเลย
เที่ยวที่ St Julian's
นอกจากการเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน ประเทศมอลต้า คุณยังจะได้สัมผัสและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 7,000 ปี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายบนเกาะนี้ ประเทศมอลต้าจะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามที่จะสะกดคุณด้วยสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
สภาพภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศ
เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเมืองซิซิลี และชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแดดตลอดปี และมีพิ้นที่คล้ายคลึงกับสไตล์แอฟริกาเหนือ มอลต้ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากกว่าเกาะอื่น ๆ บนโลกนี้
อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงถึง 18.7 องศา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองวัลเลตตา ซึ่งเชื่อถือได้และอุณหภูมิมักจะใกล้เคียงของเดิมเสมอ และสามารถใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลของพื้นที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน
วัฒนธรรมชาวมอลต้า
อาจจะกล่าวได้ว่าประเทศมอลต้าเป็นประเทศที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ที่หลากหลาย แต่จะได้รับอิทธิพลมากที่สุดจากวัฒนธรรมอิตาลีและอังกฤษ
ช้อปปิ้งที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน
ที่เมืองเซนต์จูเลี่ยนคุณจะได้พบกับตลาดมากมายที่มีสีสัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าของคุณผู้หญิง, ร้านเสื้อผ้าชื่อดังจากยุโรป และสถานที่อีกมากมายที่รอคุณไปเยือน
105 $this->_ci_view_paths = array( $path => TRUE ) + $this->_ci_view_paths; 106 $ci_view = $view; 107 } 108 109 unset( $view_path, $use_theme, $default_theme ); 110 return $this->_ci_load(array('_ci_view' => $ci_view, '_ci_vars' => $this->_ci_object_to_array($vars), '_ci_return' => $return)); 111 }// view 112 113 114 }
-
FCPATH/application\core\MY_Controller.php [ 121 ] » MY_Loader->view(arguments)
view
front/institution-details
vars
Array ( [countries] => Array ( [0] => Array ( [id] => 100018 [icon] => Test001/spra2.jpg [avatar] => Test001/Sprascaffee.jpg [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => มอลตา [detail] => มอลตา หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น มีประชากรทั้งหมดประมาณ 475,000 คน เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา
มอลตาเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2344 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2507 โดยได้รับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศและการเงินตามข้อตกลงที่มีกับอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี มอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2507 และยังอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ อย่างไรก็ดี ในช่วงสงครามเย็น มอลตามีรัฐบาลที่มาจากพรรคแรงงาน นำโดยนาย Dom Mintroff ซึ่งมีแนวทางสังคมนิยม-ชาตินิยม จึงดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (non-alignment) อย่างจริงจัง และได้ขอยกเลิกความตกลงที่ทำไว้กับอังกฤษฉบับปี 2507 และปี 2515 โดยขอทำความตกลงฉบับใหม่ซึ่งมีเนื้อหาที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศและเพื่อเป็นหลักประกันว่า มอลตาจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จากการที่มีฐานทัพนาโตประจำอยู่ในมอลตา ความตกลงฉบับใหม่มีระยะเวลา 7 ปี (ปี 2515-2522) สาระสำคัญโดยสรุปคืออังกฤษต้องจ่ายค่าเช่าในการคงฐานทัพในมอลตา 14 ล้านปอนด์ต่อปี ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2522 รัฐบาลมอลตาได้ขอยกเลิกการต่อสัญญาให้เช่าพื้นที่สำหรับเป็นฐานทัพ ทำให้กองกำลังอังกฤษต้องถอนกำลังออกจากมอลตาตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตายังมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้ากับหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหภาพโซเวียต จีน กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ลิเบีย ตูนิเซีย และตกลงรับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะลิเบีย อีกทั้งได้ลงนามในความตกลงรับรองความเป็นกลางและการร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ผลของการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างจริงจังทำให้ในปี 2524 สหภาพโซเวียตและอิตาลีได้ตกลงรับรองความเป็นกลางของมอลตา โดยเฉพาะอิตาลี ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินแก่มอลตาเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น มอลตายังมีความตกลงร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ในปี 2513 ซึ่งได้ต่ออายุความตกลงมาจนถึงปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศ ปัจจุบัน มอลตาเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญหลายองค์การ อาทิ สหประชาชาติ กลุ่ม 77 IAEA OSCE UNCTAD UNESCO เป็นต้น
มอลตาได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2547 มอลต้าได้เพิ่มบทบาทของตนเองในนโยบาย EU-Mediterranean ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่น ๆ มีประเทศโมรอโค อัลจีเรีย ตูนิเซีย อียิป อิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และตุรกี
[count] => 1 [state] => Array ( [100110] => Array ( [name] => Valletta [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [1] => Array ( [id] => 100003 [icon] => icon/flag-1.jpg [avatar] => icon/flag-1.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => อังกฤษ [detail] =>
1. ภูมิประเทศและที่ตั้งประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ เป็นดินแดน
ที่มีภูมิประเทศสวยงาม และความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม อุตสาหกรรม
และการศึกษา เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่าง
วัฒนธรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยพื้นที่ของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ
เกาะใหญ่ (The Great Britain) ซึ่งหมายถึงเกาะใหญ่ของอังกฤษ ที่รวมอาณาเขตของอังกฤษ (England)
เวลส์ (Wales)และสก็อตแลนด์(Scotland) ไว้ด้วยกันและเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)
พื้นที่โดยรวมของประเทศประมาณ 240,000 ตารางกิโลเมตรโดยมีกรุงลอนดอน (London)
เป็นเมืองหลวงของประเทศ2. สภาพภูมิอากาศภูมิประเทศของเกรท บริเทน (Great Britain) เป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็น
ไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้
และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม
ประมาณ 5 องศาเซลเซียสและสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส
3. ฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม-พฤษภาคมอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บางวันอากาศอบอุ่น มีแสงแดดจัดใน ตอนเช้า และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนาวเย็นหรือ ฝนตกในช่วงบ่าย
- ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน-สิงหาคมอากาศ ส่วนใหญ่จะอบอุ่นและแสงแดดจัดจ้า
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามและร่วงหล่น
- ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศช่วงนี้ จะหนาวมากที่สุด มีหิมะตกในบางพื้นที่กลางคืนจะยาวกว่า กลางวันและมืดเร็วกว่าปกติ
4. เวลา
ประเทศอังกฤษมีเวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม
5. ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา ดังในรูปภาพไปด้วย โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน
6.น้ำประปา
การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยนักเรียนสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี
7. ระบบเงินตรา
สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศ สกุลเงินแบ่งออกเป็นธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี นักเรียนสามารถแลกเงินได้ที่ธนาคารทั่วไปหรือสถานที่รับแลกเงินที่เรียกว่า bureau de change เช่น Thomas Cook, American Express, Chequepointและ Exchange International นอกจากนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เช่น แฮร์รอดส์ หรือมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินด้วย โดยควรสอบถามอัตราแลกเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด เวลาทำการของธนาคารคือ ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.30 – 15.30 น. มีบางแห่งที่ปิดเวลา 17.00 น. เช่น บางสาขาของธนาคาร Bank of Scotland และบางแห่งเปิดทำการในวันเสาร์ด้วยตั้งแต่เวลา 9.30 – 12.00 น. คือ Nat West
8. การติดต่อสื่อสาร
ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาทำการมักเปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.30 น. และในวันเสาร์ เวลา 9.00 – 12.00 น. แต่ที่ทำการที่ Trafalgar Square เลขที่ 24 William IV Street, WC2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ Trafalgar Square เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 20.00น. ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ สามารถหาซื้อแสตมป์สะสมที่จัดทำขึ้นตามเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาสได้
แสตมป์ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายหนังสือพิมพ์ จดหมายในประเทศติดแสตมป์ 32 เพนซ์จะส่งถึงวันรุ่งขึ้น ถ้าต้องการส่งกลับมาประเทศไทย 67 เพนซ์สำหรับจดหมาย (ราคาต่ำสุด)
ราคาและรายละเอียดอื่น ๆ สามารถหาได้จาก http://www.royalmail.com/portal/rm
ตู้ไปรษณีย์สีแดงแบบเก่ามีตั้งอยู่ริมถนนทั่วไป ส่วนตู้แบบใหม่สีแดงเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่าจะอยู่กับผนังตึกโทรศัพท์
- อัตราค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ใช้ การโทรศัพท์ออกนอกประเทศ ช่วงระยะเวลาที่ ประหยัดคือตั้งแต่เวลา 18.00 - 08.00 น. สอบถามค่าบริการอีกครั้งด้วยการหมุนไปที่หมายเลข 155 หากโทรศัพท์โดยผ่านโอเปอเรเตอร์ต้องเสียค่าบริการมากกว่าโทรโดยตรง
- หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน : 00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-2612500 ต้องหมุน 00-66-2-2612500 เป็นต้น
- เบอร์โทรศัพท์ที่ผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเรียกเก็บเงินปลายทางคือ 0800 89 0066 สำหรับผู้ที่ มีความประสงค์จะโทรศัพท์จากประเทศไทยไปลอนดอน สามารถทำได้โดยกดรหัส 001 44 20 หรือ 001 44 181
[count] => 19 [state] => Array ( [100006] => Array ( [name] => LONDON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100008] => Array ( [name] => OXFORD [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100010] => Array ( [name] => HASTINGS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100011] => Array ( [name] => EDINBURGH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100012] => Array ( [name] => MANCHESTER [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100013] => Array ( [name] => SALISBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100014] => Array ( [name] => BRIGHTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100016] => Array ( [name] => LIVERPOOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100017] => Array ( [name] => BATH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100018] => Array ( [name] => CAMBRIDGE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100019] => Array ( [name] => CANTERBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100020] => Array ( [name] => EASTBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100021] => Array ( [name] => TORQUAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100022] => Array ( [name] => BRISTOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100044] => Array ( [name] => BOURNEMOUTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100056] => Array ( [name] => NEW CASTLE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100058] => Array ( [name] => ์NORTHAMPTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100060] => Array ( [name] => NORWICH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100111] => Array ( [name] => BIRMINGHAM [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [2] => Array ( [id] => 100002 [icon] => icon/flag-2.jpg [avatar] => icon/flag-2.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => สหรัฐอเมริกา [detail] =>ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ได้แก่ Washington D.C อเมริกามีเนื้อทีประมาณ 3,787,319 ไมล์ (เทียบได้กับขนาดพื้นที่ประเทศไทย) มีบริเวณรัฐที่ติดต่อกัน รวม 48 รัฐ และรัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสุมทรแปซิฟิก เมื่อรวมเอารัฐอลาสก้าและฮาวายเข้าด้วยกัน สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่มากกว่า 9 ล้าน ตารางกิโลเมตร อลาสก้าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 50 รัฐ รองลงมาคือ เท็กซัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เฉพาะเท็กซัสรัฐเดียวก็ใหญ่ กว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศแล้ว ส่วนอลาสก้านั้นใหญ่กว่าเท็กซัส ถึง 2 เท่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและมีกลุ่มต่างๆ อยู่บริเวณต่างกัน เช่น China Town , Little Italy เป็นต้น ชาวอเมริกันเรียนรู้เร็ว และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความรักอิสระในการเรียนรู้ และเนื่องจากภูมิประเทศกว้างขวางทำให้ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างกันตามภูมิภาค กลุ่มเยาวชนมีงานนอกเวลาทำเป็นส่วนใหญ่เพื่อหารายได้ เสริมเพื่อกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คนอเมริกันได้รับเงินประกันสังคมและเบี้ยบำนาญรวมถึงเงินออมทรัพย์และสะสม เมื่อครบเกษียณอายุจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบสวัสดิการทางสังคม
สภาพภูมิอากาศ
มีทุกรูปแบบตั้งแต่บรรยากาศแถบขั้วโลก ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในบางส่วนของประเทศ เช่น อาจมีหิมะถล่ม พายุทอร์นาโด ไฟป่า และแผ่นดินไหวส่วนแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก อากาศในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแถบตะวันตก อากาศหนาวจะไม่เย็น จัดนักคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิต
-
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
-
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
-
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
-
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
เวลา
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มาก จึงแบ่งเวลาออกเป็น 4 เขต
-
ตะวันออก Eastern Time Zone (EST) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 12 ชั่วโมง แต่ในเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน อเมริกาเลื่อนเวลาในฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาในอเมริกาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง เมืองที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C, Miami และ Cleveland
-
ตอนกลาง (Central Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 13 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time เมืองในเขตนี้ คือ Chicago และ Orleans
-
แถบภูเขา (Mountain Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง เมืองทีอยาในเขตนี้คือ Denver และ Phoenix
-
พื้นทีย่านมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง และเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีกาปรับ Daylight Saving Time เมืองที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii
ประเทศนิวซีแลนด์ อยู่บริเวณ ตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแปซิฟิค ทางด้านตะวันออก และทะเลทัสมัน ทางด้านตะวันตก นิวซีแลนด์ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะเหนือ (North Island) และ เกาะใต้ (South Island) และเกาะเล็ก เกาะน้อย อีกจำนวนหนึ่ง นิวซีแลนด์มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 268,000 ตารางกิโลเมตร ขนาดจะ ใกล้เคียงกับประเทศอังกฤษ ลักษณะเกาะมีรูปร่างยาว ที่ประกอบไปด้วยชายหาด มากมาย และทะเลเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกและ เลี้ยงสัตว์ มีบ่อน้ำร้อน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ บ่อโคลนเดือด บริเวณเทือกเขา สูงมีหิมะ ขาวปกคลุม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย และสวยงาม
เกาะและเมืองที่สำคัญ ของ นิวซีแลนด์
เกาะเหนือ (North Island)
โอ๊คแลนด์ (Auckland)
เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา และอ่าวมานูเกา เป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม ของประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองแห่งการเล่นเรือใบ มีแม่น้ำไวกาโต ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาว ที่สุดในนิวซีแลนด์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่เหมาะแก่การเรียน มีโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง ใน โอ๊คแลนด์โอ๊คแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ โอ๊คแลนด์ เช่น
Auckland's Sky Tower
Mount Eden
Kelly Tarlton's
Auckland Museum
National Maritime Museum
Auckland Zoo
Auckland Regional Botanical Garden
Victoria Park Market
เวลลิงตัน (Wellington)
เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ คือ เวลลิงตัน ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายสุดของ เกาะเหนือ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลและเมืองนี้ได้รับสมญาว่าเป็น Windy city เวลลิงตันเป็นเมืองท่าที่เชื่อมระหว่าง เกาะเหนือ และเกาะใต้ ที่มีช่องแคบคุก (cook) คั่นกลาง ทำให้เกิดกระแสลมแรง เป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญ ผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ตั้งอยู่บนอ่าวของทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ มีความสำคัญในด้านการปกครอง และเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะเหนือและเกาะใต้
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ อาทิ เช่น
Wellington Zoo
Te Papa
National Opera
Wellington Botanic
National Art Gallery,
National Library,Gardens
National War Memorial
โรโตรัว (Rotorua)
โรโตรัว เป็นเมืองของนิวซีแลนด์ที่เรียกได้ว่า “เมืองแห่งสปาและการท่องเที่ยว” เนื่องจาก เมืองนี้อุดมไปด้วย แหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ ด้วยปลาเทราต์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองโบราณที่สั่งสมวัฒนธรรมของชาวเมารี ทำให้เมือง นี้เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน สำหรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองโรโตรัวอาทิเช่น
Te Whakarewarewa
Polynesian
Lake Rotorua
Rainbow Spring Farm, Ohinemutu,
Waikite Valley Thermal Pool
Skyline Skyride
Whirinaki Forest Park=
เกาะใต้ (South Island)
ไคร้สท์เชิร์ช (Christchurch)
เป็นเมืองเก่าแก่และ ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษอย่างแท้จริง มีสวนดอกไม้สวยงาม มีแม่น้ำเอวอนไหลผ่านกลางเมืองและประกอบด้วยสถาปัตยกรรมในรูปแบบของอังกฤษยุคบุกเบิก ไคร้สท์เชิร์ชถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสวนดอกไม้ตระการตา (Garden City)
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองไคร้สท์เชิร์ชอาทิ เช่น
Cathedral Square Church of England,
Botanic Gardens and Hagley Park,
Canterbury Museum,
Willowbank Wildlife Reserve,
Southern Encounter Aquarium and Kiwi House,
The Roman Catholic Basilica
Christchurch City Art Gallery
ดูนิดิน (Dunedin)
ดะเนดิน หรือ สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในเขต Otago เป็นที่ตั้ง ของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ University of Otago ปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทัวร์ธรรมชาติ (Eco-tour) เช่น ทัวร์ดูนกเพนกวิน, ทัวร์ดูแมวน้ำ, และการเดินป่าแบบธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองดะเนดินอาทิเช่น
Taieri Gorge Railway,
Royal Albatross Centre,
Centre and Westpac Aquarium,
Dunedin’s Botanic Gardens
Otago Museum and Discovery World
University of Otago
New Zealand Sports Hall of Fame,
New Zealand Marine Studies
ประชากร ของนิวซีแลนด์
ชาวนิวซีแลนด์ หรือ ชาวกีวี ปัจจุบันมีประมาณ 3.6 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ และประมาณ 151,100 คนเป็นชาวเมารี (Maori) และนอกเหนือจากนั้นยังมีชาวโพลีนีเซียน จีน อินเดีย และผู้อพยพจากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนิวซีแลนด์
ศาสนา ของ นิวซีแลนด์
ประชากรส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์นับถือศาสนาคริสต ์สำหรับศาสนาอื่น เช่น ยิว อิสลาม ฮินดู พุทธ จะมีสถานที่สำหรับบูชาศาสนาของตนเองตามเมืองใหญ่ คริสต์ นิกาย Anglican, Prebyterian, Roman Catholic, Methodist, Baptist และอื่นๆ
สภาพภูมิอากาศ นิวซีแลนด์
ประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ โดยทั่วไปอากาศของนิวซีแลนด์จะสบายๆ ค่อนข้างเย็น แต่ไม่ถึงกับเย็นจัดจนหิมะตก เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้
ฤดู ช่วงเดือน เกาะเหนือ เกาะใต้ ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ 16-25 C 13-22 C ฤดูใบไม้ร่วง มีนาคม-พฤษภาคม 13-19 C 7-17 C ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม 8-13 C 2-10 C ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน 11-17 C 7-17 C เงินตรา ของนิวซีแลนด์
หน่วยเงินตราของประเทศนิวซีแลนด์ คือ NZ$ ดอลล่าห์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
ธนบัตรนิวซีแลนด์ มีมูลค่า $1, $2, $5, $10, $20, $100
เงินเหรียญที่เป็นเซ็นต์ มีมูลค่า 5 เซ็นต์, 10 เซ็นต์, 20 เซ็นต์, 50 เซ็นต์
เวลาของ นิวซีแลนด์
เวลาของประเทศนิวซีแลนด์ จะเดินเร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงระหว่างตอนต้นเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนมีนาคม ที่เวลาของนิวซีแลนด์จะเร็วกว่าประเทศไทยเป็น 6 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นช่วงเวลา Day Light Saving
ไฟฟ้าของนิวซีแลนด์
ทางประเทศนิวซีแลนด์ ใช้กระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ (V) และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขา ฉะนั้นอย่าลืมว่า ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย และถ้าหากจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยต้องใช้ Adapter ในการแปลงกระแสไฟฟ้า ให้เป็นระบบเดียวกับกระแส ไฟฟ้าซึ่งสามารถหาซื้อ Adapter ได้ที่ประเทศไทย
เชื้อชาติ ของ นิวซีแลนด์
ชนผิวขาว นิวซีแลนด์ 75 %
ชาวพื้นเมืองเชื้อสายเมารี10 %
ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายชาวเกาะแปซิฟิกใต้ 5 %
ชาวเอเชีย และ ชนชาติอื่นๆ 10 %
วัฒนธรรมและสังคม นิวซีแลนด
นิวซีแลนด์ มีวัฒนธรรม 2 แบบ คือ วัฒนธรรมคนผิวขาว ซึ่งคล้ายคลึงกับคนยุโรปและอเมริกัน และวัฒนธรรมเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคร่งครัดในเรื่อง ขนบธรรมเนียมพิธีรีตอง
[count] => 3 [state] => Array ( [100036] => Array ( [name] => AUCKLAND [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100037] => Array ( [name] => WELLINGTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100103] => Array ( [name] => CRISTCHURCH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [4] => Array ( [id] => 100010 [icon] => icon/flag-3.jpg [avatar] => icon/au.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => ออสเตรเลีย [detail] => ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง
ชาวนิวซีแลนด์โดยทั่วไปเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และช่วยเหลือผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ นอกจากนั้น เป็นคนที่ถือเรื่องการรักษาการนัดหมายอย่างเคร่งครัด การให้ทิปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ในประเทศนิวซีแลนด์ บางครั้งบริกรจะปฏิเสธเงินค่าทิป
พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้งและอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียมีความอุดมสมบูรณ์มาก ฝนตกชุก ที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ โคอะล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสซั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด
สภาพภูมิอากาศ
ออสเตรเลียแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสมาเนีย ประมาณ 0-12องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 33-34องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
- ฤดูหนาว : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
- ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
ปัจจุบันออสเตรเลียมีประชากร 19 ล้านคน อาศัยอยู่หนาแน่นแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรมกว่า 140 ประเทศที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสังคมแบบสหวัฒนธรรม
ประชากร
เวลา
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่างของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time, GMT) โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้
- Eastern Standard Time-EST เร็วกว่าเวลา GMT 10 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria , Tasmania , Queensland และ Canberra
- Central Standard Time - CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง Northern Territory
- Western Standard Time - WST เร็วกว่าเวลา GMT 8 ชั่งโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia
รัฐและเมืองต่างๆ
ออสเตรเลียประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล
- Australian Capital Territory มณฑลนครหลวงของออสเตรเลีย แคนเบอร์ร่า ( Canberra ) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างดีเยี่ยม เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับชาติ และหน่วยงานสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมทั้งสถานทูตไทย
- New South Wales นิวเซาท์เวลส์ เมืองหลวงชื่อซิดนีย์ ( Sydney ) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วย เป็นรัฐที่พัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคัก มีสีสัน มีชีวิตชีวา สัญลักษณ์ของเมืองคือโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ( Sydney Harbour Bridge )
Queensland ควีนส์แลนด์ เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีเมืองหลวงคือบริสเบน ( Brisbane ) รัฐนี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีแสงแดด ( Sunshine State ) มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกชื่อ Great Barrier Reefs มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์
South Australia เซาท์ออสเตรเลีย เมืองหลวงชื่อ อะดิเลด ( Adelaide ) ครั้งหนึ่งเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งเทศกาล" เนื้อที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งมีพื้นที่เกษตรกรรมเพียง 10% ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ชั้นเยี่ยม
Tasmania ทัสมาเนีย เมืองหลวงคือโฮบาร์ต ( Hobart ) ทัสมาเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขาและที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของออสเตรเลีย เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ทัสมาเนีย ( University of Tasmania )
Western Australia เวสเทอร์นออสเตรเลีย เมืองหลวงคือเพิร์ธ ( Perth ) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 12,500กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตเพชรได้มากเป็นอันดับสามของโลก เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงามและอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
Victoria วิคตอเรีย รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงคือเมลเบิร์น เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองและ เป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามากเป็นอันดับสอง
การปกครอง
รัฐบาลสหพันธรัฐรับผิดชอบกิจการระดับประเทศ เช่นการป้องกันประเทศ การต่างประเทศ ส่วนรัฐบาลในระดับรัฐ ดูแลด้านการศึกษาการคมนาคม ขนส่ง การบริหารสาธารณสุข การเกษตร การรักษากฎหมายภายในรัฐของตน และรัฐบาลระดับท้องถิ่น ดูแลสาธารณูปโภค การระบายน้ำ การขจัดของเสีย สวนสาธารณะ ห้องสมุดประชาชน
ไฟฟ้า
ใช้กระแสไฟฟ้า 240-250 V, AC 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา ถ้าจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทย เช่น วิทยุ ต้องใช้ Adapter ซึ่งหาซื้อได้ทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลีย
ประปา
น้ำประปาสะอาด สามารถใช้สำหรับดื่มได้
ศาสนา
ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีศาสนาอื่นๆ เช่น พุทธ อิสลาม และยิว ด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยออสเตรเลียให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา วัฒนธรรม เนื่องจากประชากรแต่เดิมส่วนใหญ่อพยพมาจากทวีปยุโรป จึงทำให้วัฒนธรรมเป็นแบบตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์
สกุลเงิน
สกุลเงินตราของประเทศออสเตรเลียคือ ดอลลาร์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
- เหรียญสีเงิน 5 เซ็นต์ , 10 เซ็นต์ , 20 เซ็นต์ , 50 เซ็นต์
- เหรียญสีทอง 1 ดอลลาร์ , 2 ดอลลาร์
- ธนบัตร 5 ดอลลาร์ , 10 ดอลลาร์ , 20 ดอลลาร์ , 50 ดอลลาร์ , 100 ดอลลาร์
[count] => 12 [state] => Array ( [100029] => Array ( [name] => SYDNEY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100030] => Array ( [name] => BRISBANE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100031] => Array ( [name] => MELBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100032] => Array ( [name] => ADELAIDE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100033] => Array ( [name] => PERTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100034] => Array ( [name] => CAIRNS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100035] => Array ( [name] => GOLD COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100104] => Array ( [name] => BYRON BAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100105] => Array ( [name] => NOOSA [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100106] => Array ( [name] => SUNSHINE COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100107] => Array ( [name] => SURFERS PARADISE [detail] => Surfers Paradise [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100109] => Array ( [name] => Darwin [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [5] => Array ( [id] => 100012 [icon] => icon/flag-4.jpg [avatar] => icon/ca.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => แคนาดา [detail] => แคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือพระราชินีอลิซาเบธที่สองเป็นกษัตริย์ ( หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับของสหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง แม้จะเป็นบุคคลเดียวกัน โดยมงกุฎและบัลลังก์นั้นใช้คนละแบบ ไม่ได้ใช้ร่วมกัน )
การแบ่งเขตการปกครอง แคนาดาเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 10 รัฐ (provinces ) และ 3 ดินแดน ( territories ) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรัฐกับดินแดนคือ รัฐของแคนาดาได้รับมอบอำนาจจากบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง ขณะที่ดินแดนของแคนาดาจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายของสหพันธรัฐ ดังนั้น รัฐบาลสหพันธ์จึงมีอำนาจโดยตรงในการควบคุมดูแลดินแดน ส่วนรัฐบาลของรัฐนั้นจะมีอำนาจและสิทธิในการปกครองตนเองมากกว่า
รัฐและดินแดนของแคนาดามีรายชื่อดังต่อไปนี้
- แอลเบอร์ตา
- บริติชโคลัมเบีย
- แมนิโทบา
- นิวบรันสวิก
- นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์
- โนวาสโกเชีย
- ออนแทรีโอ
- ปรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์
- ควิเบก
- ซัสแคตเชวัน
ดินแดน
- นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
- นนาวต
- ยูคอน
รูปแบบการปกครอง
แบบสหพันธรัฐประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แคนาดาจัดเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งหมายความว่า อำนาจการบริหารจะมีการจัดสรรให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมณฑลและเขตปกครองสามารถปกครองตนเองได้
ผู้นำรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นองค์พระประมุข ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเป็นผู้แทนพระองค์
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก และรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เมืองหลวง กรุงออตตาวา
สภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศของแคนาดามีความหลากหลายตั้งแต่ขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็นเป็นน้ำแข็งที่เส้นรุ้งที่70 ไปจนถึงแนวป่าอันเขียวขจีของแถบชายฝั่งตะวันตกของบริติชโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว แคนาดามีฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด 4 ฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแถบภูมิภาคใกล้ชายแดนสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น อุณหภูมิในช่วงกลางวันของฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 25องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วงจะอยู่ในระดับปานกลาง
หลายปีที่ผ่านมา ชาวแคนาเดียนได้ปรับตัวอย่างมากให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ โดยการติดตั้งเครื่องทำความร้อนในที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงระบบขนส่งมวลชน ที่มีการติดตั้ง ระบบความร้อนเช่นเดียวกับที่ทางเดินระหว่างอาคารในสถานศึกษา
เศรษฐกิจ
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ถึงร้อยละ 45 สำหรับการส่งออก และร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้า รูปแบบการค้าและการลงทุนของแคนาดาจะพึ่งพิงกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออก อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( North American Free Trade Agreement: NAFTA ) ซึ่งยิ่งช่วยเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (
สำหรับระบบภาษีนำเข้าของแคนาดาประมาณ ร้อยละ 90 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 อีกทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศด้อยพัฒนา ยกเว้นในสินค้าประเภทนม สัตว์ปีกและไข่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ ทองคำ ถ่านหิน เหล็ก นิกเกิล โพแทช ยูเรเนียม สังกะสี รวมทั้งป่าไม้
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่ เครื่องยนต์ รถยนต์ กระดาษ ไม้เนื้ออ่อน พลังงานปิโตรเลียมดิบ แก๊สธรรมชาติ ไฟฟ้า อะลูมิเนียม อุปกรณ์สื่อสาร ชิ้นส่วนอากาศยาน ระบบคอมพิวเตอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเยอรมนี
ภาคการบริการเป็นภาคกิจการที่สำคัญที่สุดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารชั้นนำของแคนาดา 6 แห่ง เป็นหนึ่งใน 100 ธนาคารชั้นนำของโลก และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมถึงธนาคารโนวาสโกเชีย ซึ่งมีสาขาอยู่ในไทยด้วย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ทำให้แคนาดาสามารถพัฒนาความก้าวหน้าในภาคกิจการนี้เป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมที่สำคัญของแคนาดา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารและคมนาคม เหมืองแร่ และพลังงาน
ประชากร
32.14 ล้านคน (เมษายน 2548)
วัฒนธรรม
สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2543 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
โดยในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) รัฐสภาแคนาดาได้ออกกฎหมายคนเข้าเมืองตามข้อเสนอของพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้จนทุกวันนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการยกเลิกการเลือกปฏิบัติ ( ก่อนหน้านี้ มีการออกกฎหมายปี พ.ศ. 2430 ( ค.ศ. 1887 ) เพื่อกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน และต่อมาปี ค.ศ. 1910 ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น preferred ซึ่งคือ กลุ่มคนยุโรป และ non-preferred ได้แก่ กลุ่มที่ไม่ใช่ยุโรป ) กล่าวคือ การเปิดรับคนเข้าเมืองจากทุกที่อย่างเป็นทางการทั่วไป และการใช้วิธีการคิดคะแนนประเมินน้ำหนัก ( point system ) ว่าสมควรรับผู้ใดเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี - คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือ การส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สังคมแคนาดาจะสนใจอย่างยิ่งต่อพัฒนาการในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน- ตั้งอยู่ที่เซนต์จูเลี่ยน ฝั่งตะวันออกของประเทศมอลต้า
- มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย
- หลากหลายความบันเทิงยามค่ำคืน
สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส เซนต์จูเลี่ยน อยู่ในทำเลที่มีอากาศดี อาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษ เป็นอาคารก่อสร้างด้วยหินสวยงามสไตล์กรีก ทางเดินรูปโค้งไสตล์โรมันที่คุณจะต้องประทับใจเมื่อได้เห็น สถาบันตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบบนอ่าวเซนต์จูเลี่ยน และใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่เรียกว่า Paceville
สถาบันมีห้องเรียนติดแอร์เกือบทั้งหมด มีอพาร์ทเมนต์ ห้องอาหาร และสวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และสนามวอลเล่ย์บอลชายหาดครบครัน มอลต้าเป็นประเทศที่มีแดดออกตลอดทั้งปีเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยว และนี่จึงทำให้โรงเรียนสปร๊าคคาเฟ่ เซนต์จูเลี่ยน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียน และพักผ่อนที่ดีที่สุด
หากคิดเรียนภาษาอังกฤษและต้องการความสนุกสนานในอากาศแบบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ลองดูที่ทางตอนใต้ของยุโรปสิ เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเกาะซิซิลีของอิตาลี และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ที่นี่มีแสงแดดส่องตลอดทั้งปีเหมือนแอฟริกาเหนือ มอลต้ามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยถูกครอบครองจากชาวโรมัน ชาวโฟนีเชี่ยน ชาวฝรั่งเศส และชาวอังกฤษ จึงทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชาวมอลต้านับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค ที่นี่มีวันหยุดทางศาสนามากที่สุด และมีจำนวนโบสถ์มากที่สุดเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มอลต้าเป็นประเทศที่น่าเรียนภาษาอังกฤษก็เพราะ มรดกที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ที่อังกฤษยึดครองมอลต้าเพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มอลต้าก็เหมือนประเทศอาณานิคมอื่นๆ เมื่อหลังจากถูกอังกฤษยึดครอง ก็ได้บังคับใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ระบบการศึกษาก็เป็นแบบอังกฤษ นอกจากนั้นสถาบันภาษาของมอลต้าก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ชาวมอลตีสมีบุคลิคลักษณะเหมือนชาวเมดิเตอร์เรเนี่ยน พวกเขาผสมผสานทั้งความเป็นอิตาลี สเปน และอังกฤษเข้าด้วยกัน พวกเขาขับรถทางซ้ายเหมือนที่อังกฤษ มีการนอนหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายเหมือนที่อิตาลี และสเปน ถึงอย่างไรก็ตามคนมอลตีสก็เป็นคนไม่มีทิฐิ เปิดใจกว้างสนใจในวัฒนธรรมของชนชาติอื่น และสนุกสนาน
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ทำไมเลือกเรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน และก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สระน้ำที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
บรรยากาศภายในสถาบัน
ภายในโรงเรียนและที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์ คุณจะได้พบกับสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นบาร์ ร้านอาหาร ดิสโก้ ภายในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเราที่เซนต์จูเลี่ยน คุณสามารถใช้เวลาว่างได้ที่นี่ และบรรยากาศสวนโดยรอบๆ จะทำให้คุณมีความรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเรียนรู้ได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน:
- อุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย
- เครื่องปรับอากาศทุกห้องเรียน
- ห้องสมุดและคอมมอนรูมสำหรับศึกษาเพิ่มเติม
- อินเตอร์เน็ต, free wi-fi สำหรับนักเรียน
- เลาจ์ พร้อมทีวี เครื่องเล่น DVD โต๊ะพูลและอื่นๆ
สำหรับคนที่ชอบในการกีฬา หลักเลิกเรียนคุณสามารถว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ หรือชายหาด เช่นวอลเลย์บอลชายหาดภายในวิทยาเขตของโรงเรียน ใกล้กับห้างสรรพสินค้า และมีศูนย์การสอนดำน้ำ
สถานที่ตั้งของสถาบัน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน
สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน แต่ก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน
ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร, บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
กิจกรรมพิเศษ
ทางสถาบันมีทีมงานที่คอยจัดกิจกรรมสำหรับหลังคาบเรียน และช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม, ท่องเที่ยว และกีฬาต่างๆ
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษ- หลักสูตรเข้มข้น, เตรียมสอบ, ตัวต่อตัว, หลักสูตรธุรกิจ และอื่นๆ
- ราคารวมการสอบวัดระดับ และ certificate แล้ว
- สอนโดยอาจารย์เจ้าของภาษา
- หลักสูตรมีความยืดหยุ่นเหมาะกับนักเรียน
มอลต้าไม่ได้มีเพียงแค่มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงแดดสาดส่องตลอดทั้งปี ชายหาดและน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษกับผู้คนชาวมอลตีสที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการและมีความเป็นมิตรด้วย บรรยากาศที่ผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ! โดยเรามีครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ กาสื่อสาร บรรยากาศที่สนุกสนานให้การเรียนในห้องเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
คุณจะได้ทำการทดสอบระดับภาษาของคุณ เพื่อให้สามารถจัดคุณเข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับคุณได้ ในห้องเรียนคุณจะได้ร่วมทำกิจกรรม แสดงความคิดเห็นร่วมกัน การถามและการตอบ แสดงบทบาทสมมุติ รวมทั้งหลักสูตรการฟังและการอ่าน
หลักสูตรของเรา
Sprachcaffe Languages PLUS มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย สามารถดูได้ตามตารางด้านล่าง ซึ่งสถาบันของเรามีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อาจารย์ผู้สอนมืออาชีพที่มีคุณภาพ และเป็นเจ้าของภาษา
- วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเข้าใจง่ายแม้เป็นผู้เริ่มเรียน
- หลักสูตรการสอนที่ออกแบบโดยทางสถาบัน มีจำนวนระยะเวลาเรียนที่เหมาะสม ทั้งหลักสูตรและอุปกรณ์
การเรียนมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Course details Lessons per Week* Minimum Duration Group Size More Info Standard Course 20 2 weeks 10 "More Info" Intensive Course 30 1 week 10 "More Info" One to One Course 10, 20 or 30 1 week 1 "More Info" ** FCE, CAE Exam Preparation Course 20 10/12 weeks 10 "More Info" ** Standard Course/ IELTS Exam Preparation 20 12 weeks 10 "More Info" *** Standard Course/ University Pathways 20 12 weeks 10 "More Info" *1 บทเรียน = 45 นาที
**ยังไม่รวมค่าสอบ
Study Club จะเป็นโปรแกรมใหม่ที่ทางสถาบันเพิ่มเติมให้นักเรียนในปี 2019 โดยจะเป็นระยะเวลา 2 บทเรียน หรือ 1.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ฟรี ซึ่ง รวมอยู่ในทุกหลักสูตรที่นักเรียนเลือกเรียน นักเรียนสามารถใช้เวลาตรงส่วนนี้ พูดคุยกับครูผู้สอนให้ช่วยสอน ให้คำแนะนำในส่วนของการบ้าน และอื่นๆ รวมทั้ง Resume ในการสมัครงาน ซึ่งครูของทางเราจะช่วยนักเรียนในการ รีวิว และแนะนำการเขียนทางด้านภาษา ไวยกรณ์ และอื่นๆ
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก- มีที่พักหลายประเภทให้เลือก
- เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นและเพื่อนต่างชาติ
- ที่พัก อพาร์ทเม้นท์ โฮมสเตย์ หรือสตูดิโอ
เมื่อคุณสมัครเรียนภาษากับ สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส จะมีที่พักให้เลือกหลายประเภท ซึ่งเราจัดไว้ให้เหมาะสมกับการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และให้สนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่ ในที่พักที่แสนสบาย ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่ซึ่งจะทำให้คุณอยู่สบายเหมือนอยู่บ้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกที่พักแบบใด ที่พักทุกประเภทของเราสามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แบบอพาร์ทเม้นท์เป็นการพักกับเพื่อนักเรียนจากนานาชาติ หากต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องน้ำและห้องครัวคุณสามารถเลือกพักแบบสตูดิโอได้ หรือจะเลือกพักกับโฮมสเตย์ซึ่งเป็นคนในท้องถื่นของประเทศนั้นๆ
นอกจากการเรียนภาษาในห้องเรียนแล้ว ยังได้ฝึกฝนภาษาใหม่นี้ในชีวิตประจำวันกับคนอื่นๆที่ได้พบเจออีกด้วย
Standard Apartment- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อาหารเช้าอาหารสองมื้อหรืออาหารสองมื้อที่
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
- อยู่ในสถาบันหรือสูงสุด เดิน 10 นาที
Comfort Apartment
- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- ห้องพักกว้างขวาง. ห้องพักกว้างขวาง
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
Studio- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมอุปกรณ์ทำอาหาร
-
กิจกรรมนอกห้องเรียน
กิจกรรม - ท่องโลกใต้น้ำ
- ศิลปะจากธรรมชาติที่ Gozo
- พักผ่อนที่ Mdina’s narrow alleyways
- บันเทิงยามค่ำคืนที่ Paceville
-
เวลาว่าง
ที่มอลต้า มีกิจกรรมมากมายที่รอคุณอยู่ ไม่เพียงแต่โลกใต้น้ำแสนสวยงาม เนื่องจากมอลต้าเป็นเกาะเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเกาะ จึงอยู่ใกล้ๆกัน เเละสามารถท่องเที่ยวเเละเดินทางง่าย อีกทั้งเทศกาลที่มีสีสัน, วัฒนธรรม, ละคร, กีฬา, โรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงยามค่ำคืน เรียกได้ว่ามอลต้ามีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ที่นี่มีอาคารเก่าแก่ที่น่าสนใจ เเละเหมาะกับการพักผ่อน อีกทั้งยังมีสวนวัลเลตตาเเละถนนที่เงียบสงบของ Mdina สามารถเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาใน Paceville เเละสำหรับผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม, มอลต้ายังมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์และงานศิลปะที่มีคุณค่า
เเละ คุณสามารถใช้บริการเรือข้ามฟาก ข้ามต่อไปยังซิซิลี ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายรับรองว่ามอลต้าจะทำให้คุณประทับใจเเละไม่เบื่อเลย
เที่ยวที่ St Julian's
นอกจากการเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน ประเทศมอลต้า คุณยังจะได้สัมผัสและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 7,000 ปี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายบนเกาะนี้ ประเทศมอลต้าจะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามที่จะสะกดคุณด้วยสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
สภาพภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศ
เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเมืองซิซิลี และชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแดดตลอดปี และมีพิ้นที่คล้ายคลึงกับสไตล์แอฟริกาเหนือ มอลต้ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากกว่าเกาะอื่น ๆ บนโลกนี้
อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงถึง 18.7 องศา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองวัลเลตตา ซึ่งเชื่อถือได้และอุณหภูมิมักจะใกล้เคียงของเดิมเสมอ และสามารถใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลของพื้นที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน
วัฒนธรรมชาวมอลต้า
อาจจะกล่าวได้ว่าประเทศมอลต้าเป็นประเทศที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ที่หลากหลาย แต่จะได้รับอิทธิพลมากที่สุดจากวัฒนธรรมอิตาลีและอังกฤษ
ช้อปปิ้งที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน
ที่เมืองเซนต์จูเลี่ยนคุณจะได้พบกับตลาดมากมายที่มีสีสัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าของคุณผู้หญิง, ร้านเสื้อผ้าชื่อดังจากยุโรป และสถานที่อีกมากมายที่รอคุณไปเยือน
return
1
use_theme
116 */ 117 function generate_page( $page = '', $output = '', $theme = '' ) { 118 // re-set theme system name (some content use different theme.) 119 $this->themes_model->theme_system_name = $this->theme_system_name; 120 121 $output['page_content'] = $this->load->view( $page, $output, true, $theme ); 122 $this->load->view( 'front/template', $output, false, $theme ); // load content with theme of website 123 }// generate_page 124 125 126
-
FCPATH/modules\isc\controllers\isc.php [ 95 ] » MY_Controller->generate_page(arguments)
page
front/institution-details
output
Array ( [countries] => Array ( [0] => Array ( [id] => 100018 [icon] => Test001/spra2.jpg [avatar] => Test001/Sprascaffee.jpg [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => มอลตา [detail] => มอลตา หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น มีประชากรทั้งหมดประมาณ 475,000 คน เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา
มอลตาเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2344 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2507 โดยได้รับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศและการเงินตามข้อตกลงที่มีกับอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี มอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2507 และยังอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ อย่างไรก็ดี ในช่วงสงครามเย็น มอลตามีรัฐบาลที่มาจากพรรคแรงงาน นำโดยนาย Dom Mintroff ซึ่งมีแนวทางสังคมนิยม-ชาตินิยม จึงดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (non-alignment) อย่างจริงจัง และได้ขอยกเลิกความตกลงที่ทำไว้กับอังกฤษฉบับปี 2507 และปี 2515 โดยขอทำความตกลงฉบับใหม่ซึ่งมีเนื้อหาที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศและเพื่อเป็นหลักประกันว่า มอลตาจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จากการที่มีฐานทัพนาโตประจำอยู่ในมอลตา ความตกลงฉบับใหม่มีระยะเวลา 7 ปี (ปี 2515-2522) สาระสำคัญโดยสรุปคืออังกฤษต้องจ่ายค่าเช่าในการคงฐานทัพในมอลตา 14 ล้านปอนด์ต่อปี ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2522 รัฐบาลมอลตาได้ขอยกเลิกการต่อสัญญาให้เช่าพื้นที่สำหรับเป็นฐานทัพ ทำให้กองกำลังอังกฤษต้องถอนกำลังออกจากมอลตาตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตายังมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้ากับหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหภาพโซเวียต จีน กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ลิเบีย ตูนิเซีย และตกลงรับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะลิเบีย อีกทั้งได้ลงนามในความตกลงรับรองความเป็นกลางและการร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ผลของการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างจริงจังทำให้ในปี 2524 สหภาพโซเวียตและอิตาลีได้ตกลงรับรองความเป็นกลางของมอลตา โดยเฉพาะอิตาลี ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินแก่มอลตาเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น มอลตายังมีความตกลงร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ในปี 2513 ซึ่งได้ต่ออายุความตกลงมาจนถึงปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศ ปัจจุบัน มอลตาเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญหลายองค์การ อาทิ สหประชาชาติ กลุ่ม 77 IAEA OSCE UNCTAD UNESCO เป็นต้น
มอลตาได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2547 มอลต้าได้เพิ่มบทบาทของตนเองในนโยบาย EU-Mediterranean ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่น ๆ มีประเทศโมรอโค อัลจีเรีย ตูนิเซีย อียิป อิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และตุรกี
[count] => 1 [state] => Array ( [100110] => Array ( [name] => Valletta [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [1] => Array ( [id] => 100003 [icon] => icon/flag-1.jpg [avatar] => icon/flag-1.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => อังกฤษ [detail] =>
1. ภูมิประเทศและที่ตั้งประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ เป็นดินแดน
ที่มีภูมิประเทศสวยงาม และความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม อุตสาหกรรม
และการศึกษา เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่าง
วัฒนธรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยพื้นที่ของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ
เกาะใหญ่ (The Great Britain) ซึ่งหมายถึงเกาะใหญ่ของอังกฤษ ที่รวมอาณาเขตของอังกฤษ (England)
เวลส์ (Wales)และสก็อตแลนด์(Scotland) ไว้ด้วยกันและเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)
พื้นที่โดยรวมของประเทศประมาณ 240,000 ตารางกิโลเมตรโดยมีกรุงลอนดอน (London)
เป็นเมืองหลวงของประเทศ2. สภาพภูมิอากาศภูมิประเทศของเกรท บริเทน (Great Britain) เป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็น
ไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้
และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม
ประมาณ 5 องศาเซลเซียสและสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส
3. ฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม-พฤษภาคมอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บางวันอากาศอบอุ่น มีแสงแดดจัดใน ตอนเช้า และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนาวเย็นหรือ ฝนตกในช่วงบ่าย
- ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน-สิงหาคมอากาศ ส่วนใหญ่จะอบอุ่นและแสงแดดจัดจ้า
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามและร่วงหล่น
- ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศช่วงนี้ จะหนาวมากที่สุด มีหิมะตกในบางพื้นที่กลางคืนจะยาวกว่า กลางวันและมืดเร็วกว่าปกติ
4. เวลา
ประเทศอังกฤษมีเวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม
5. ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา ดังในรูปภาพไปด้วย โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน
6.น้ำประปา
การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยนักเรียนสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี
7. ระบบเงินตรา
สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศ สกุลเงินแบ่งออกเป็นธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี นักเรียนสามารถแลกเงินได้ที่ธนาคารทั่วไปหรือสถานที่รับแลกเงินที่เรียกว่า bureau de change เช่น Thomas Cook, American Express, Chequepointและ Exchange International นอกจากนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เช่น แฮร์รอดส์ หรือมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินด้วย โดยควรสอบถามอัตราแลกเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด เวลาทำการของธนาคารคือ ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.30 – 15.30 น. มีบางแห่งที่ปิดเวลา 17.00 น. เช่น บางสาขาของธนาคาร Bank of Scotland และบางแห่งเปิดทำการในวันเสาร์ด้วยตั้งแต่เวลา 9.30 – 12.00 น. คือ Nat West
8. การติดต่อสื่อสาร
ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาทำการมักเปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.30 น. และในวันเสาร์ เวลา 9.00 – 12.00 น. แต่ที่ทำการที่ Trafalgar Square เลขที่ 24 William IV Street, WC2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ Trafalgar Square เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 20.00น. ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ สามารถหาซื้อแสตมป์สะสมที่จัดทำขึ้นตามเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาสได้
แสตมป์ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายหนังสือพิมพ์ จดหมายในประเทศติดแสตมป์ 32 เพนซ์จะส่งถึงวันรุ่งขึ้น ถ้าต้องการส่งกลับมาประเทศไทย 67 เพนซ์สำหรับจดหมาย (ราคาต่ำสุด)
ราคาและรายละเอียดอื่น ๆ สามารถหาได้จาก http://www.royalmail.com/portal/rm
ตู้ไปรษณีย์สีแดงแบบเก่ามีตั้งอยู่ริมถนนทั่วไป ส่วนตู้แบบใหม่สีแดงเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่าจะอยู่กับผนังตึกโทรศัพท์
- อัตราค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ใช้ การโทรศัพท์ออกนอกประเทศ ช่วงระยะเวลาที่ ประหยัดคือตั้งแต่เวลา 18.00 - 08.00 น. สอบถามค่าบริการอีกครั้งด้วยการหมุนไปที่หมายเลข 155 หากโทรศัพท์โดยผ่านโอเปอเรเตอร์ต้องเสียค่าบริการมากกว่าโทรโดยตรง
- หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน : 00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-2612500 ต้องหมุน 00-66-2-2612500 เป็นต้น
- เบอร์โทรศัพท์ที่ผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเรียกเก็บเงินปลายทางคือ 0800 89 0066 สำหรับผู้ที่ มีความประสงค์จะโทรศัพท์จากประเทศไทยไปลอนดอน สามารถทำได้โดยกดรหัส 001 44 20 หรือ 001 44 181
[count] => 19 [state] => Array ( [100006] => Array ( [name] => LONDON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100008] => Array ( [name] => OXFORD [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100010] => Array ( [name] => HASTINGS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100011] => Array ( [name] => EDINBURGH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100012] => Array ( [name] => MANCHESTER [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100013] => Array ( [name] => SALISBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100014] => Array ( [name] => BRIGHTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100016] => Array ( [name] => LIVERPOOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100017] => Array ( [name] => BATH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100018] => Array ( [name] => CAMBRIDGE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100019] => Array ( [name] => CANTERBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100020] => Array ( [name] => EASTBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100021] => Array ( [name] => TORQUAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100022] => Array ( [name] => BRISTOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100044] => Array ( [name] => BOURNEMOUTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100056] => Array ( [name] => NEW CASTLE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100058] => Array ( [name] => ์NORTHAMPTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100060] => Array ( [name] => NORWICH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100111] => Array ( [name] => BIRMINGHAM [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [2] => Array ( [id] => 100002 [icon] => icon/flag-2.jpg [avatar] => icon/flag-2.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => สหรัฐอเมริกา [detail] =>ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ได้แก่ Washington D.C อเมริกามีเนื้อทีประมาณ 3,787,319 ไมล์ (เทียบได้กับขนาดพื้นที่ประเทศไทย) มีบริเวณรัฐที่ติดต่อกัน รวม 48 รัฐ และรัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสุมทรแปซิฟิก เมื่อรวมเอารัฐอลาสก้าและฮาวายเข้าด้วยกัน สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่มากกว่า 9 ล้าน ตารางกิโลเมตร อลาสก้าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 50 รัฐ รองลงมาคือ เท็กซัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เฉพาะเท็กซัสรัฐเดียวก็ใหญ่ กว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศแล้ว ส่วนอลาสก้านั้นใหญ่กว่าเท็กซัส ถึง 2 เท่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและมีกลุ่มต่างๆ อยู่บริเวณต่างกัน เช่น China Town , Little Italy เป็นต้น ชาวอเมริกันเรียนรู้เร็ว และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความรักอิสระในการเรียนรู้ และเนื่องจากภูมิประเทศกว้างขวางทำให้ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างกันตามภูมิภาค กลุ่มเยาวชนมีงานนอกเวลาทำเป็นส่วนใหญ่เพื่อหารายได้ เสริมเพื่อกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คนอเมริกันได้รับเงินประกันสังคมและเบี้ยบำนาญรวมถึงเงินออมทรัพย์และสะสม เมื่อครบเกษียณอายุจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบสวัสดิการทางสังคม
สภาพภูมิอากาศ
มีทุกรูปแบบตั้งแต่บรรยากาศแถบขั้วโลก ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในบางส่วนของประเทศ เช่น อาจมีหิมะถล่ม พายุทอร์นาโด ไฟป่า และแผ่นดินไหวส่วนแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก อากาศในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแถบตะวันตก อากาศหนาวจะไม่เย็น จัดนักคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิต
-
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
-
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
-
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
-
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
เวลา
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มาก จึงแบ่งเวลาออกเป็น 4 เขต
-
ตะวันออก Eastern Time Zone (EST) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 12 ชั่วโมง แต่ในเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน อเมริกาเลื่อนเวลาในฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาในอเมริกาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง เมืองที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C, Miami และ Cleveland
-
ตอนกลาง (Central Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 13 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time เมืองในเขตนี้ คือ Chicago และ Orleans
-
แถบภูเขา (Mountain Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง เมืองทีอยาในเขตนี้คือ Denver และ Phoenix
-
พื้นทีย่านมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง และเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีกาปรับ Daylight Saving Time เมืองที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii
ประเทศนิวซีแลนด์ อยู่บริเวณ ตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแปซิฟิค ทางด้านตะวันออก และทะเลทัสมัน ทางด้านตะวันตก นิวซีแลนด์ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะเหนือ (North Island) และ เกาะใต้ (South Island) และเกาะเล็ก เกาะน้อย อีกจำนวนหนึ่ง นิวซีแลนด์มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 268,000 ตารางกิโลเมตร ขนาดจะ ใกล้เคียงกับประเทศอังกฤษ ลักษณะเกาะมีรูปร่างยาว ที่ประกอบไปด้วยชายหาด มากมาย และทะเลเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกและ เลี้ยงสัตว์ มีบ่อน้ำร้อน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ บ่อโคลนเดือด บริเวณเทือกเขา สูงมีหิมะ ขาวปกคลุม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย และสวยงาม
เกาะและเมืองที่สำคัญ ของ นิวซีแลนด์
เกาะเหนือ (North Island)
โอ๊คแลนด์ (Auckland)
เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา และอ่าวมานูเกา เป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม ของประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองแห่งการเล่นเรือใบ มีแม่น้ำไวกาโต ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาว ที่สุดในนิวซีแลนด์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่เหมาะแก่การเรียน มีโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง ใน โอ๊คแลนด์โอ๊คแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ โอ๊คแลนด์ เช่น
Auckland's Sky Tower
Mount Eden
Kelly Tarlton's
Auckland Museum
National Maritime Museum
Auckland Zoo
Auckland Regional Botanical Garden
Victoria Park Market
เวลลิงตัน (Wellington)
เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ คือ เวลลิงตัน ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายสุดของ เกาะเหนือ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลและเมืองนี้ได้รับสมญาว่าเป็น Windy city เวลลิงตันเป็นเมืองท่าที่เชื่อมระหว่าง เกาะเหนือ และเกาะใต้ ที่มีช่องแคบคุก (cook) คั่นกลาง ทำให้เกิดกระแสลมแรง เป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญ ผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ตั้งอยู่บนอ่าวของทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ มีความสำคัญในด้านการปกครอง และเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะเหนือและเกาะใต้
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ อาทิ เช่น
Wellington Zoo
Te Papa
National Opera
Wellington Botanic
National Art Gallery,
National Library,Gardens
National War Memorial
โรโตรัว (Rotorua)
โรโตรัว เป็นเมืองของนิวซีแลนด์ที่เรียกได้ว่า “เมืองแห่งสปาและการท่องเที่ยว” เนื่องจาก เมืองนี้อุดมไปด้วย แหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ ด้วยปลาเทราต์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองโบราณที่สั่งสมวัฒนธรรมของชาวเมารี ทำให้เมือง นี้เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน สำหรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองโรโตรัวอาทิเช่น
Te Whakarewarewa
Polynesian
Lake Rotorua
Rainbow Spring Farm, Ohinemutu,
Waikite Valley Thermal Pool
Skyline Skyride
Whirinaki Forest Park=
เกาะใต้ (South Island)
ไคร้สท์เชิร์ช (Christchurch)
เป็นเมืองเก่าแก่และ ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษอย่างแท้จริง มีสวนดอกไม้สวยงาม มีแม่น้ำเอวอนไหลผ่านกลางเมืองและประกอบด้วยสถาปัตยกรรมในรูปแบบของอังกฤษยุคบุกเบิก ไคร้สท์เชิร์ชถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสวนดอกไม้ตระการตา (Garden City)
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองไคร้สท์เชิร์ชอาทิ เช่น
Cathedral Square Church of England,
Botanic Gardens and Hagley Park,
Canterbury Museum,
Willowbank Wildlife Reserve,
Southern Encounter Aquarium and Kiwi House,
The Roman Catholic Basilica
Christchurch City Art Gallery
ดูนิดิน (Dunedin)
ดะเนดิน หรือ สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในเขต Otago เป็นที่ตั้ง ของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ University of Otago ปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทัวร์ธรรมชาติ (Eco-tour) เช่น ทัวร์ดูนกเพนกวิน, ทัวร์ดูแมวน้ำ, และการเดินป่าแบบธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองดะเนดินอาทิเช่น
Taieri Gorge Railway,
Royal Albatross Centre,
Centre and Westpac Aquarium,
Dunedin’s Botanic Gardens
Otago Museum and Discovery World
University of Otago
New Zealand Sports Hall of Fame,
New Zealand Marine Studies
ประชากร ของนิวซีแลนด์
ชาวนิวซีแลนด์ หรือ ชาวกีวี ปัจจุบันมีประมาณ 3.6 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ และประมาณ 151,100 คนเป็นชาวเมารี (Maori) และนอกเหนือจากนั้นยังมีชาวโพลีนีเซียน จีน อินเดีย และผู้อพยพจากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนิวซีแลนด์
ศาสนา ของ นิวซีแลนด์
ประชากรส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์นับถือศาสนาคริสต ์สำหรับศาสนาอื่น เช่น ยิว อิสลาม ฮินดู พุทธ จะมีสถานที่สำหรับบูชาศาสนาของตนเองตามเมืองใหญ่ คริสต์ นิกาย Anglican, Prebyterian, Roman Catholic, Methodist, Baptist และอื่นๆ
สภาพภูมิอากาศ นิวซีแลนด์
ประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ โดยทั่วไปอากาศของนิวซีแลนด์จะสบายๆ ค่อนข้างเย็น แต่ไม่ถึงกับเย็นจัดจนหิมะตก เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้
ฤดู ช่วงเดือน เกาะเหนือ เกาะใต้ ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ 16-25 C 13-22 C ฤดูใบไม้ร่วง มีนาคม-พฤษภาคม 13-19 C 7-17 C ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม 8-13 C 2-10 C ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน 11-17 C 7-17 C เงินตรา ของนิวซีแลนด์
หน่วยเงินตราของประเทศนิวซีแลนด์ คือ NZ$ ดอลล่าห์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
ธนบัตรนิวซีแลนด์ มีมูลค่า $1, $2, $5, $10, $20, $100
เงินเหรียญที่เป็นเซ็นต์ มีมูลค่า 5 เซ็นต์, 10 เซ็นต์, 20 เซ็นต์, 50 เซ็นต์
เวลาของ นิวซีแลนด์
เวลาของประเทศนิวซีแลนด์ จะเดินเร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงระหว่างตอนต้นเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนมีนาคม ที่เวลาของนิวซีแลนด์จะเร็วกว่าประเทศไทยเป็น 6 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นช่วงเวลา Day Light Saving
ไฟฟ้าของนิวซีแลนด์
ทางประเทศนิวซีแลนด์ ใช้กระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ (V) และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขา ฉะนั้นอย่าลืมว่า ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย และถ้าหากจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยต้องใช้ Adapter ในการแปลงกระแสไฟฟ้า ให้เป็นระบบเดียวกับกระแส ไฟฟ้าซึ่งสามารถหาซื้อ Adapter ได้ที่ประเทศไทย
เชื้อชาติ ของ นิวซีแลนด์
ชนผิวขาว นิวซีแลนด์ 75 %
ชาวพื้นเมืองเชื้อสายเมารี10 %
ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายชาวเกาะแปซิฟิกใต้ 5 %
ชาวเอเชีย และ ชนชาติอื่นๆ 10 %
วัฒนธรรมและสังคม นิวซีแลนด
นิวซีแลนด์ มีวัฒนธรรม 2 แบบ คือ วัฒนธรรมคนผิวขาว ซึ่งคล้ายคลึงกับคนยุโรปและอเมริกัน และวัฒนธรรมเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคร่งครัดในเรื่อง ขนบธรรมเนียมพิธีรีตอง
[count] => 3 [state] => Array ( [100036] => Array ( [name] => AUCKLAND [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100037] => Array ( [name] => WELLINGTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100103] => Array ( [name] => CRISTCHURCH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [4] => Array ( [id] => 100010 [icon] => icon/flag-3.jpg [avatar] => icon/au.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => ออสเตรเลีย [detail] => ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง
ชาวนิวซีแลนด์โดยทั่วไปเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และช่วยเหลือผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ นอกจากนั้น เป็นคนที่ถือเรื่องการรักษาการนัดหมายอย่างเคร่งครัด การให้ทิปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ในประเทศนิวซีแลนด์ บางครั้งบริกรจะปฏิเสธเงินค่าทิป
พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้งและอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียมีความอุดมสมบูรณ์มาก ฝนตกชุก ที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ โคอะล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสซั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด
สภาพภูมิอากาศ
ออสเตรเลียแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสมาเนีย ประมาณ 0-12องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 33-34องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
- ฤดูหนาว : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
- ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
ปัจจุบันออสเตรเลียมีประชากร 19 ล้านคน อาศัยอยู่หนาแน่นแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรมกว่า 140 ประเทศที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสังคมแบบสหวัฒนธรรม
ประชากร
เวลา
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่างของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time, GMT) โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้
- Eastern Standard Time-EST เร็วกว่าเวลา GMT 10 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria , Tasmania , Queensland และ Canberra
- Central Standard Time - CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง Northern Territory
- Western Standard Time - WST เร็วกว่าเวลา GMT 8 ชั่งโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia
รัฐและเมืองต่างๆ
ออสเตรเลียประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล
- Australian Capital Territory มณฑลนครหลวงของออสเตรเลีย แคนเบอร์ร่า ( Canberra ) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างดีเยี่ยม เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับชาติ และหน่วยงานสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมทั้งสถานทูตไทย
- New South Wales นิวเซาท์เวลส์ เมืองหลวงชื่อซิดนีย์ ( Sydney ) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วย เป็นรัฐที่พัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคัก มีสีสัน มีชีวิตชีวา สัญลักษณ์ของเมืองคือโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ( Sydney Harbour Bridge )
Queensland ควีนส์แลนด์ เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีเมืองหลวงคือบริสเบน ( Brisbane ) รัฐนี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีแสงแดด ( Sunshine State ) มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกชื่อ Great Barrier Reefs มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์
South Australia เซาท์ออสเตรเลีย เมืองหลวงชื่อ อะดิเลด ( Adelaide ) ครั้งหนึ่งเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งเทศกาล" เนื้อที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งมีพื้นที่เกษตรกรรมเพียง 10% ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ชั้นเยี่ยม
Tasmania ทัสมาเนีย เมืองหลวงคือโฮบาร์ต ( Hobart ) ทัสมาเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขาและที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของออสเตรเลีย เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ทัสมาเนีย ( University of Tasmania )
Western Australia เวสเทอร์นออสเตรเลีย เมืองหลวงคือเพิร์ธ ( Perth ) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 12,500กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตเพชรได้มากเป็นอันดับสามของโลก เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงามและอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
Victoria วิคตอเรีย รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงคือเมลเบิร์น เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองและ เป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามากเป็นอันดับสอง
การปกครอง
รัฐบาลสหพันธรัฐรับผิดชอบกิจการระดับประเทศ เช่นการป้องกันประเทศ การต่างประเทศ ส่วนรัฐบาลในระดับรัฐ ดูแลด้านการศึกษาการคมนาคม ขนส่ง การบริหารสาธารณสุข การเกษตร การรักษากฎหมายภายในรัฐของตน และรัฐบาลระดับท้องถิ่น ดูแลสาธารณูปโภค การระบายน้ำ การขจัดของเสีย สวนสาธารณะ ห้องสมุดประชาชน
ไฟฟ้า
ใช้กระแสไฟฟ้า 240-250 V, AC 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา ถ้าจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทย เช่น วิทยุ ต้องใช้ Adapter ซึ่งหาซื้อได้ทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลีย
ประปา
น้ำประปาสะอาด สามารถใช้สำหรับดื่มได้
ศาสนา
ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีศาสนาอื่นๆ เช่น พุทธ อิสลาม และยิว ด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยออสเตรเลียให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา วัฒนธรรม เนื่องจากประชากรแต่เดิมส่วนใหญ่อพยพมาจากทวีปยุโรป จึงทำให้วัฒนธรรมเป็นแบบตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์
สกุลเงิน
สกุลเงินตราของประเทศออสเตรเลียคือ ดอลลาร์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
- เหรียญสีเงิน 5 เซ็นต์ , 10 เซ็นต์ , 20 เซ็นต์ , 50 เซ็นต์
- เหรียญสีทอง 1 ดอลลาร์ , 2 ดอลลาร์
- ธนบัตร 5 ดอลลาร์ , 10 ดอลลาร์ , 20 ดอลลาร์ , 50 ดอลลาร์ , 100 ดอลลาร์
[count] => 12 [state] => Array ( [100029] => Array ( [name] => SYDNEY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100030] => Array ( [name] => BRISBANE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100031] => Array ( [name] => MELBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100032] => Array ( [name] => ADELAIDE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100033] => Array ( [name] => PERTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100034] => Array ( [name] => CAIRNS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100035] => Array ( [name] => GOLD COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100104] => Array ( [name] => BYRON BAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100105] => Array ( [name] => NOOSA [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100106] => Array ( [name] => SUNSHINE COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100107] => Array ( [name] => SURFERS PARADISE [detail] => Surfers Paradise [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100109] => Array ( [name] => Darwin [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [5] => Array ( [id] => 100012 [icon] => icon/flag-4.jpg [avatar] => icon/ca.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => แคนาดา [detail] => แคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือพระราชินีอลิซาเบธที่สองเป็นกษัตริย์ ( หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับของสหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง แม้จะเป็นบุคคลเดียวกัน โดยมงกุฎและบัลลังก์นั้นใช้คนละแบบ ไม่ได้ใช้ร่วมกัน )
การแบ่งเขตการปกครอง แคนาดาเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 10 รัฐ (provinces ) และ 3 ดินแดน ( territories ) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรัฐกับดินแดนคือ รัฐของแคนาดาได้รับมอบอำนาจจากบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง ขณะที่ดินแดนของแคนาดาจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายของสหพันธรัฐ ดังนั้น รัฐบาลสหพันธ์จึงมีอำนาจโดยตรงในการควบคุมดูแลดินแดน ส่วนรัฐบาลของรัฐนั้นจะมีอำนาจและสิทธิในการปกครองตนเองมากกว่า
รัฐและดินแดนของแคนาดามีรายชื่อดังต่อไปนี้
- แอลเบอร์ตา
- บริติชโคลัมเบีย
- แมนิโทบา
- นิวบรันสวิก
- นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์
- โนวาสโกเชีย
- ออนแทรีโอ
- ปรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์
- ควิเบก
- ซัสแคตเชวัน
ดินแดน
- นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
- นนาวต
- ยูคอน
รูปแบบการปกครอง
แบบสหพันธรัฐประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แคนาดาจัดเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งหมายความว่า อำนาจการบริหารจะมีการจัดสรรให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมณฑลและเขตปกครองสามารถปกครองตนเองได้
ผู้นำรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นองค์พระประมุข ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเป็นผู้แทนพระองค์
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก และรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เมืองหลวง กรุงออตตาวา
สภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศของแคนาดามีความหลากหลายตั้งแต่ขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็นเป็นน้ำแข็งที่เส้นรุ้งที่70 ไปจนถึงแนวป่าอันเขียวขจีของแถบชายฝั่งตะวันตกของบริติชโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว แคนาดามีฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด 4 ฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแถบภูมิภาคใกล้ชายแดนสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น อุณหภูมิในช่วงกลางวันของฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 25องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วงจะอยู่ในระดับปานกลาง
หลายปีที่ผ่านมา ชาวแคนาเดียนได้ปรับตัวอย่างมากให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ โดยการติดตั้งเครื่องทำความร้อนในที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงระบบขนส่งมวลชน ที่มีการติดตั้ง ระบบความร้อนเช่นเดียวกับที่ทางเดินระหว่างอาคารในสถานศึกษา
เศรษฐกิจ
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ถึงร้อยละ 45 สำหรับการส่งออก และร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้า รูปแบบการค้าและการลงทุนของแคนาดาจะพึ่งพิงกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออก อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( North American Free Trade Agreement: NAFTA ) ซึ่งยิ่งช่วยเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (
สำหรับระบบภาษีนำเข้าของแคนาดาประมาณ ร้อยละ 90 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 อีกทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศด้อยพัฒนา ยกเว้นในสินค้าประเภทนม สัตว์ปีกและไข่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ ทองคำ ถ่านหิน เหล็ก นิกเกิล โพแทช ยูเรเนียม สังกะสี รวมทั้งป่าไม้
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่ เครื่องยนต์ รถยนต์ กระดาษ ไม้เนื้ออ่อน พลังงานปิโตรเลียมดิบ แก๊สธรรมชาติ ไฟฟ้า อะลูมิเนียม อุปกรณ์สื่อสาร ชิ้นส่วนอากาศยาน ระบบคอมพิวเตอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเยอรมนี
ภาคการบริการเป็นภาคกิจการที่สำคัญที่สุดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารชั้นนำของแคนาดา 6 แห่ง เป็นหนึ่งใน 100 ธนาคารชั้นนำของโลก และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมถึงธนาคารโนวาสโกเชีย ซึ่งมีสาขาอยู่ในไทยด้วย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ทำให้แคนาดาสามารถพัฒนาความก้าวหน้าในภาคกิจการนี้เป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมที่สำคัญของแคนาดา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารและคมนาคม เหมืองแร่ และพลังงาน
ประชากร
32.14 ล้านคน (เมษายน 2548)
วัฒนธรรม
สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2543 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
โดยในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) รัฐสภาแคนาดาได้ออกกฎหมายคนเข้าเมืองตามข้อเสนอของพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้จนทุกวันนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการยกเลิกการเลือกปฏิบัติ ( ก่อนหน้านี้ มีการออกกฎหมายปี พ.ศ. 2430 ( ค.ศ. 1887 ) เพื่อกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน และต่อมาปี ค.ศ. 1910 ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น preferred ซึ่งคือ กลุ่มคนยุโรป และ non-preferred ได้แก่ กลุ่มที่ไม่ใช่ยุโรป ) กล่าวคือ การเปิดรับคนเข้าเมืองจากทุกที่อย่างเป็นทางการทั่วไป และการใช้วิธีการคิดคะแนนประเมินน้ำหนัก ( point system ) ว่าสมควรรับผู้ใดเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี - คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือ การส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สังคมแคนาดาจะสนใจอย่างยิ่งต่อพัฒนาการในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน- ตั้งอยู่ที่เซนต์จูเลี่ยน ฝั่งตะวันออกของประเทศมอลต้า
- มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย
- หลากหลายความบันเทิงยามค่ำคืน
สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส เซนต์จูเลี่ยน อยู่ในทำเลที่มีอากาศดี อาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษ เป็นอาคารก่อสร้างด้วยหินสวยงามสไตล์กรีก ทางเดินรูปโค้งไสตล์โรมันที่คุณจะต้องประทับใจเมื่อได้เห็น สถาบันตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบบนอ่าวเซนต์จูเลี่ยน และใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่เรียกว่า Paceville
สถาบันมีห้องเรียนติดแอร์เกือบทั้งหมด มีอพาร์ทเมนต์ ห้องอาหาร และสวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และสนามวอลเล่ย์บอลชายหาดครบครัน มอลต้าเป็นประเทศที่มีแดดออกตลอดทั้งปีเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยว และนี่จึงทำให้โรงเรียนสปร๊าคคาเฟ่ เซนต์จูเลี่ยน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียน และพักผ่อนที่ดีที่สุด
หากคิดเรียนภาษาอังกฤษและต้องการความสนุกสนานในอากาศแบบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ลองดูที่ทางตอนใต้ของยุโรปสิ เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเกาะซิซิลีของอิตาลี และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ที่นี่มีแสงแดดส่องตลอดทั้งปีเหมือนแอฟริกาเหนือ มอลต้ามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยถูกครอบครองจากชาวโรมัน ชาวโฟนีเชี่ยน ชาวฝรั่งเศส และชาวอังกฤษ จึงทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชาวมอลต้านับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค ที่นี่มีวันหยุดทางศาสนามากที่สุด และมีจำนวนโบสถ์มากที่สุดเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มอลต้าเป็นประเทศที่น่าเรียนภาษาอังกฤษก็เพราะ มรดกที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ที่อังกฤษยึดครองมอลต้าเพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มอลต้าก็เหมือนประเทศอาณานิคมอื่นๆ เมื่อหลังจากถูกอังกฤษยึดครอง ก็ได้บังคับใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ระบบการศึกษาก็เป็นแบบอังกฤษ นอกจากนั้นสถาบันภาษาของมอลต้าก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ชาวมอลตีสมีบุคลิคลักษณะเหมือนชาวเมดิเตอร์เรเนี่ยน พวกเขาผสมผสานทั้งความเป็นอิตาลี สเปน และอังกฤษเข้าด้วยกัน พวกเขาขับรถทางซ้ายเหมือนที่อังกฤษ มีการนอนหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายเหมือนที่อิตาลี และสเปน ถึงอย่างไรก็ตามคนมอลตีสก็เป็นคนไม่มีทิฐิ เปิดใจกว้างสนใจในวัฒนธรรมของชนชาติอื่น และสนุกสนาน
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ทำไมเลือกเรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน และก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สระน้ำที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
บรรยากาศภายในสถาบัน
ภายในโรงเรียนและที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์ คุณจะได้พบกับสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นบาร์ ร้านอาหาร ดิสโก้ ภายในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเราที่เซนต์จูเลี่ยน คุณสามารถใช้เวลาว่างได้ที่นี่ และบรรยากาศสวนโดยรอบๆ จะทำให้คุณมีความรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเรียนรู้ได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน:
- อุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย
- เครื่องปรับอากาศทุกห้องเรียน
- ห้องสมุดและคอมมอนรูมสำหรับศึกษาเพิ่มเติม
- อินเตอร์เน็ต, free wi-fi สำหรับนักเรียน
- เลาจ์ พร้อมทีวี เครื่องเล่น DVD โต๊ะพูลและอื่นๆ
สำหรับคนที่ชอบในการกีฬา หลักเลิกเรียนคุณสามารถว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ หรือชายหาด เช่นวอลเลย์บอลชายหาดภายในวิทยาเขตของโรงเรียน ใกล้กับห้างสรรพสินค้า และมีศูนย์การสอนดำน้ำ
สถานที่ตั้งของสถาบัน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน
สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน แต่ก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน
ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร, บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
กิจกรรมพิเศษ
ทางสถาบันมีทีมงานที่คอยจัดกิจกรรมสำหรับหลังคาบเรียน และช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม, ท่องเที่ยว และกีฬาต่างๆ
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษ- หลักสูตรเข้มข้น, เตรียมสอบ, ตัวต่อตัว, หลักสูตรธุรกิจ และอื่นๆ
- ราคารวมการสอบวัดระดับ และ certificate แล้ว
- สอนโดยอาจารย์เจ้าของภาษา
- หลักสูตรมีความยืดหยุ่นเหมาะกับนักเรียน
มอลต้าไม่ได้มีเพียงแค่มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงแดดสาดส่องตลอดทั้งปี ชายหาดและน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษกับผู้คนชาวมอลตีสที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการและมีความเป็นมิตรด้วย บรรยากาศที่ผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ! โดยเรามีครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ กาสื่อสาร บรรยากาศที่สนุกสนานให้การเรียนในห้องเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
คุณจะได้ทำการทดสอบระดับภาษาของคุณ เพื่อให้สามารถจัดคุณเข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับคุณได้ ในห้องเรียนคุณจะได้ร่วมทำกิจกรรม แสดงความคิดเห็นร่วมกัน การถามและการตอบ แสดงบทบาทสมมุติ รวมทั้งหลักสูตรการฟังและการอ่าน
หลักสูตรของเรา
Sprachcaffe Languages PLUS มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย สามารถดูได้ตามตารางด้านล่าง ซึ่งสถาบันของเรามีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อาจารย์ผู้สอนมืออาชีพที่มีคุณภาพ และเป็นเจ้าของภาษา
- วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเข้าใจง่ายแม้เป็นผู้เริ่มเรียน
- หลักสูตรการสอนที่ออกแบบโดยทางสถาบัน มีจำนวนระยะเวลาเรียนที่เหมาะสม ทั้งหลักสูตรและอุปกรณ์
การเรียนมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Course details Lessons per Week* Minimum Duration Group Size More Info Standard Course 20 2 weeks 10 "More Info" Intensive Course 30 1 week 10 "More Info" One to One Course 10, 20 or 30 1 week 1 "More Info" ** FCE, CAE Exam Preparation Course 20 10/12 weeks 10 "More Info" ** Standard Course/ IELTS Exam Preparation 20 12 weeks 10 "More Info" *** Standard Course/ University Pathways 20 12 weeks 10 "More Info" *1 บทเรียน = 45 นาที
**ยังไม่รวมค่าสอบ
Study Club จะเป็นโปรแกรมใหม่ที่ทางสถาบันเพิ่มเติมให้นักเรียนในปี 2019 โดยจะเป็นระยะเวลา 2 บทเรียน หรือ 1.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ฟรี ซึ่ง รวมอยู่ในทุกหลักสูตรที่นักเรียนเลือกเรียน นักเรียนสามารถใช้เวลาตรงส่วนนี้ พูดคุยกับครูผู้สอนให้ช่วยสอน ให้คำแนะนำในส่วนของการบ้าน และอื่นๆ รวมทั้ง Resume ในการสมัครงาน ซึ่งครูของทางเราจะช่วยนักเรียนในการ รีวิว และแนะนำการเขียนทางด้านภาษา ไวยกรณ์ และอื่นๆ
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก- มีที่พักหลายประเภทให้เลือก
- เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นและเพื่อนต่างชาติ
- ที่พัก อพาร์ทเม้นท์ โฮมสเตย์ หรือสตูดิโอ
เมื่อคุณสมัครเรียนภาษากับ สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส จะมีที่พักให้เลือกหลายประเภท ซึ่งเราจัดไว้ให้เหมาะสมกับการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และให้สนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่ ในที่พักที่แสนสบาย ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่ซึ่งจะทำให้คุณอยู่สบายเหมือนอยู่บ้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกที่พักแบบใด ที่พักทุกประเภทของเราสามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แบบอพาร์ทเม้นท์เป็นการพักกับเพื่อนักเรียนจากนานาชาติ หากต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องน้ำและห้องครัวคุณสามารถเลือกพักแบบสตูดิโอได้ หรือจะเลือกพักกับโฮมสเตย์ซึ่งเป็นคนในท้องถื่นของประเทศนั้นๆ
นอกจากการเรียนภาษาในห้องเรียนแล้ว ยังได้ฝึกฝนภาษาใหม่นี้ในชีวิตประจำวันกับคนอื่นๆที่ได้พบเจออีกด้วย
Standard Apartment- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อาหารเช้าอาหารสองมื้อหรืออาหารสองมื้อที่
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
- อยู่ในสถาบันหรือสูงสุด เดิน 10 นาที
Comfort Apartment
- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- ห้องพักกว้างขวาง. ห้องพักกว้างขวาง
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
Studio- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมอุปกรณ์ทำอาหาร
-
กิจกรรมนอกห้องเรียน
กิจกรรม - ท่องโลกใต้น้ำ
- ศิลปะจากธรรมชาติที่ Gozo
- พักผ่อนที่ Mdina’s narrow alleyways
- บันเทิงยามค่ำคืนที่ Paceville
-
เวลาว่าง
ที่มอลต้า มีกิจกรรมมากมายที่รอคุณอยู่ ไม่เพียงแต่โลกใต้น้ำแสนสวยงาม เนื่องจากมอลต้าเป็นเกาะเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเกาะ จึงอยู่ใกล้ๆกัน เเละสามารถท่องเที่ยวเเละเดินทางง่าย อีกทั้งเทศกาลที่มีสีสัน, วัฒนธรรม, ละคร, กีฬา, โรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงยามค่ำคืน เรียกได้ว่ามอลต้ามีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ที่นี่มีอาคารเก่าแก่ที่น่าสนใจ เเละเหมาะกับการพักผ่อน อีกทั้งยังมีสวนวัลเลตตาเเละถนนที่เงียบสงบของ Mdina สามารถเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาใน Paceville เเละสำหรับผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม, มอลต้ายังมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์และงานศิลปะที่มีคุณค่า
เเละ คุณสามารถใช้บริการเรือข้ามฟาก ข้ามต่อไปยังซิซิลี ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายรับรองว่ามอลต้าจะทำให้คุณประทับใจเเละไม่เบื่อเลย
เที่ยวที่ St Julian's
นอกจากการเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน ประเทศมอลต้า คุณยังจะได้สัมผัสและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 7,000 ปี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายบนเกาะนี้ ประเทศมอลต้าจะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามที่จะสะกดคุณด้วยสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
สภาพภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศ
เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเมืองซิซิลี และชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแดดตลอดปี และมีพิ้นที่คล้ายคลึงกับสไตล์แอฟริกาเหนือ มอลต้ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากกว่าเกาะอื่น ๆ บนโลกนี้
อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงถึง 18.7 องศา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองวัลเลตตา ซึ่งเชื่อถือได้และอุณหภูมิมักจะใกล้เคียงของเดิมเสมอ และสามารถใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลของพื้นที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน
วัฒนธรรมชาวมอลต้า
อาจจะกล่าวได้ว่าประเทศมอลต้าเป็นประเทศที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ที่หลากหลาย แต่จะได้รับอิทธิพลมากที่สุดจากวัฒนธรรมอิตาลีและอังกฤษ
ช้อปปิ้งที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน
ที่เมืองเซนต์จูเลี่ยนคุณจะได้พบกับตลาดมากมายที่มีสีสัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าของคุณผู้หญิง, ร้านเสื้อผ้าชื่อดังจากยุโรป และสถานที่อีกมากมายที่รอคุณไปเยือน
90 91 $form_data = $this -> session -> flashdata('form_data'); 92 if($form_status !== false) $output['form_data'] = $form_data; 93 94 $output['key_menu'] = 'isc_institute'; 95 $this -> generate_page('front/institution-details', $output); 96 } 97 } 98 99 function student() { 100 $output['page_title'] = $this -> html_model -> gen_title($this -> lang -> line($this -> module_name));
-
{PHP internal call} » isc->institute_detail(arguments)
idx
100337
-
FCPATH/system\core\CodeIgniter.php [ 359 ] » call_user_func_array(arguments)
function_name
Array ( [0] => isc Object ( [module_name] => isc [base_url] => http://inter-study.com/ [modules_path] => http://inter-study.com/modules/ [plugins_path] => http://inter-study.com/modules/ [theme_path] => http://inter-study.com/public/themes/isc/ [curent_lang_code] => th [curent_lang_id] => 1 [theme_system_name] => isc [autoload] => Array ( ) [load] => MY_Loader Object ( [_module:protected] => isc [_ci_plugins] => Array ( ) [_ci_cached_vars] => Array ( [curent_lang_id] => 1 [lang_info] => Array ( [lang_info] => Array ( [th] => Array ( [lang_id] => 1 [lang_name] => Thai [lang_code] => th [icon] => th.png [ordering] => 1 ) [en] => Array ( [lang_id] => 2 [lang_name] => English [lang_code] => en [icon] => us.png [ordering] => 2 ) ) ) [google_analytics_code] => Google Analytic Setting [favicon_icon] => http://inter-study.com/uploads/config/20150722/cmstvy012468.jpg [countries] => Array ( [0] => Array ( [id] => 100018 [icon] => Test001/spra2.jpg [avatar] => Test001/Sprascaffee.jpg [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => มอลตา [detail] => มอลตา หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น มีประชากรทั้งหมดประมาณ 475,000 คน เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา
มอลตาเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2344 และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2507 โดยได้รับความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศและการเงินตามข้อตกลงที่มีกับอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี มอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2507 และยังอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ อย่างไรก็ดี ในช่วงสงครามเย็น มอลตามีรัฐบาลที่มาจากพรรคแรงงาน นำโดยนาย Dom Mintroff ซึ่งมีแนวทางสังคมนิยม-ชาตินิยม จึงดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (non-alignment) อย่างจริงจัง และได้ขอยกเลิกความตกลงที่ทำไว้กับอังกฤษฉบับปี 2507 และปี 2515 โดยขอทำความตกลงฉบับใหม่ซึ่งมีเนื้อหาที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศและเพื่อเป็นหลักประกันว่า มอลตาจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จากการที่มีฐานทัพนาโตประจำอยู่ในมอลตา ความตกลงฉบับใหม่มีระยะเวลา 7 ปี (ปี 2515-2522) สาระสำคัญโดยสรุปคืออังกฤษต้องจ่ายค่าเช่าในการคงฐานทัพในมอลตา 14 ล้านปอนด์ต่อปี ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2522 รัฐบาลมอลตาได้ขอยกเลิกการต่อสัญญาให้เช่าพื้นที่สำหรับเป็นฐานทัพ ทำให้กองกำลังอังกฤษต้องถอนกำลังออกจากมอลตาตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตายังมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้ากับหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหภาพโซเวียต จีน กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ลิเบีย ตูนิเซีย และตกลงรับความช่วยเหลือด้านวิชาการจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะลิเบีย อีกทั้งได้ลงนามในความตกลงรับรองความเป็นกลางและการร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ผลของการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างจริงจังทำให้ในปี 2524 สหภาพโซเวียตและอิตาลีได้ตกลงรับรองความเป็นกลางของมอลตา โดยเฉพาะอิตาลี ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินแก่มอลตาเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนั้น มอลตายังมีความตกลงร่วมกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ในปี 2513 ซึ่งได้ต่ออายุความตกลงมาจนถึงปัจจุบันในเวทีระหว่างประเทศ ปัจจุบัน มอลตาเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญหลายองค์การ อาทิ สหประชาชาติ กลุ่ม 77 IAEA OSCE UNCTAD UNESCO เป็นต้น
มอลตาได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) ตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2547 มอลต้าได้เพิ่มบทบาทของตนเองในนโยบาย EU-Mediterranean ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่น ๆ มีประเทศโมรอโค อัลจีเรีย ตูนิเซีย อียิป อิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย และตุรกี
[count] => 1 [state] => Array ( [100110] => Array ( [name] => Valletta [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [1] => Array ( [id] => 100003 [icon] => icon/flag-1.jpg [avatar] => icon/flag-1.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => อังกฤษ [detail] =>
1. ภูมิประเทศและที่ตั้งประเทศสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ เป็นดินแดน
ที่มีภูมิประเทศสวยงาม และความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม อุตสาหกรรม
และการศึกษา เป็นดินแดนที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่าง
วัฒนธรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยพื้นที่ของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 เกาะขนาดใหญ่ คือ
เกาะใหญ่ (The Great Britain) ซึ่งหมายถึงเกาะใหญ่ของอังกฤษ ที่รวมอาณาเขตของอังกฤษ (England)
เวลส์ (Wales)และสก็อตแลนด์(Scotland) ไว้ด้วยกันและเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)
พื้นที่โดยรวมของประเทศประมาณ 240,000 ตารางกิโลเมตรโดยมีกรุงลอนดอน (London)
เป็นเมืองหลวงของประเทศ2. สภาพภูมิอากาศภูมิประเทศของเกรท บริเทน (Great Britain) เป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็น
ไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้
และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม
ประมาณ 5 องศาเซลเซียสและสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส
3. ฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม-พฤษภาคมอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก บางวันอากาศอบอุ่น มีแสงแดดจัดใน ตอนเช้า และเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนาวเย็นหรือ ฝนตกในช่วงบ่าย
- ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน-สิงหาคมอากาศ ส่วนใหญ่จะอบอุ่นและแสงแดดจัดจ้า
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามและร่วงหล่น
- ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์อากาศช่วงนี้ จะหนาวมากที่สุด มีหิมะตกในบางพื้นที่กลางคืนจะยาวกว่า กลางวันและมืดเร็วกว่าปกติ
4. เวลา
ประเทศอังกฤษมีเวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม
5. ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา ดังในรูปภาพไปด้วย โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน
6.น้ำประปา
การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยนักเรียนสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี
7. ระบบเงินตรา
สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศ สกุลเงินแบ่งออกเป็นธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี นักเรียนสามารถแลกเงินได้ที่ธนาคารทั่วไปหรือสถานที่รับแลกเงินที่เรียกว่า bureau de change เช่น Thomas Cook, American Express, Chequepointและ Exchange International นอกจากนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เช่น แฮร์รอดส์ หรือมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินด้วย โดยควรสอบถามอัตราแลกเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด เวลาทำการของธนาคารคือ ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.30 – 15.30 น. มีบางแห่งที่ปิดเวลา 17.00 น. เช่น บางสาขาของธนาคาร Bank of Scotland และบางแห่งเปิดทำการในวันเสาร์ด้วยตั้งแต่เวลา 9.30 – 12.00 น. คือ Nat West
8. การติดต่อสื่อสาร
ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาทำการมักเปิดตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.30 น. และในวันเสาร์ เวลา 9.00 – 12.00 น. แต่ที่ทำการที่ Trafalgar Square เลขที่ 24 William IV Street, WC2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ Trafalgar Square เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 20.00น. ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ สามารถหาซื้อแสตมป์สะสมที่จัดทำขึ้นตามเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาสได้
แสตมป์ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายหนังสือพิมพ์ จดหมายในประเทศติดแสตมป์ 32 เพนซ์จะส่งถึงวันรุ่งขึ้น ถ้าต้องการส่งกลับมาประเทศไทย 67 เพนซ์สำหรับจดหมาย (ราคาต่ำสุด)
ราคาและรายละเอียดอื่น ๆ สามารถหาได้จาก http://www.royalmail.com/portal/rm
ตู้ไปรษณีย์สีแดงแบบเก่ามีตั้งอยู่ริมถนนทั่วไป ส่วนตู้แบบใหม่สีแดงเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่าจะอยู่กับผนังตึกโทรศัพท์
- อัตราค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ใช้ การโทรศัพท์ออกนอกประเทศ ช่วงระยะเวลาที่ ประหยัดคือตั้งแต่เวลา 18.00 - 08.00 น. สอบถามค่าบริการอีกครั้งด้วยการหมุนไปที่หมายเลข 155 หากโทรศัพท์โดยผ่านโอเปอเรเตอร์ต้องเสียค่าบริการมากกว่าโทรโดยตรง
- หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะต้องหมุน : 00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ หมายเลข 02-2612500 ต้องหมุน 00-66-2-2612500 เป็นต้น
- เบอร์โทรศัพท์ที่ผ่านโอเปอเรเตอร์ไทยเพื่อเรียกเก็บเงินปลายทางคือ 0800 89 0066 สำหรับผู้ที่ มีความประสงค์จะโทรศัพท์จากประเทศไทยไปลอนดอน สามารถทำได้โดยกดรหัส 001 44 20 หรือ 001 44 181
[count] => 19 [state] => Array ( [100006] => Array ( [name] => LONDON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100008] => Array ( [name] => OXFORD [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100010] => Array ( [name] => HASTINGS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100011] => Array ( [name] => EDINBURGH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100012] => Array ( [name] => MANCHESTER [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100013] => Array ( [name] => SALISBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100014] => Array ( [name] => BRIGHTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100016] => Array ( [name] => LIVERPOOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100017] => Array ( [name] => BATH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100018] => Array ( [name] => CAMBRIDGE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100019] => Array ( [name] => CANTERBURY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100020] => Array ( [name] => EASTBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100021] => Array ( [name] => TORQUAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100022] => Array ( [name] => BRISTOL [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100044] => Array ( [name] => BOURNEMOUTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100056] => Array ( [name] => NEW CASTLE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100058] => Array ( [name] => ์NORTHAMPTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100060] => Array ( [name] => NORWICH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100111] => Array ( [name] => BIRMINGHAM [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [2] => Array ( [id] => 100002 [icon] => icon/flag-2.jpg [avatar] => icon/flag-2.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => สหรัฐอเมริกา [detail] =>ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ได้แก่ Washington D.C อเมริกามีเนื้อทีประมาณ 3,787,319 ไมล์ (เทียบได้กับขนาดพื้นที่ประเทศไทย) มีบริเวณรัฐที่ติดต่อกัน รวม 48 รัฐ และรัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐฮาวายซึ่งอยู่ในมหาสุมทรแปซิฟิก เมื่อรวมเอารัฐอลาสก้าและฮาวายเข้าด้วยกัน สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่มากกว่า 9 ล้าน ตารางกิโลเมตร อลาสก้าเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 50 รัฐ รองลงมาคือ เท็กซัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เฉพาะเท็กซัสรัฐเดียวก็ใหญ่ กว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศแล้ว ส่วนอลาสก้านั้นใหญ่กว่าเท็กซัส ถึง 2 เท่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและมีกลุ่มต่างๆ อยู่บริเวณต่างกัน เช่น China Town , Little Italy เป็นต้น ชาวอเมริกันเรียนรู้เร็ว และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความรักอิสระในการเรียนรู้ และเนื่องจากภูมิประเทศกว้างขวางทำให้ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างกันตามภูมิภาค กลุ่มเยาวชนมีงานนอกเวลาทำเป็นส่วนใหญ่เพื่อหารายได้ เสริมเพื่อกิจกรรมที่ตนเองต้องการ คนอเมริกันได้รับเงินประกันสังคมและเบี้ยบำนาญรวมถึงเงินออมทรัพย์และสะสม เมื่อครบเกษียณอายุจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในรูปแบบสวัสดิการทางสังคม
สภาพภูมิอากาศ
มีทุกรูปแบบตั้งแต่บรรยากาศแถบขั้วโลก ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา สภาพอากาศอาจเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในบางส่วนของประเทศ เช่น อาจมีหิมะถล่ม พายุทอร์นาโด ไฟป่า และแผ่นดินไหวส่วนแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก อากาศในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแถบตะวันตก อากาศหนาวจะไม่เย็น จัดนักคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิต
-
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
-
ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
-
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
-
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
เวลา
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มาก จึงแบ่งเวลาออกเป็น 4 เขต
-
ตะวันออก Eastern Time Zone (EST) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 12 ชั่วโมง แต่ในเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน อเมริกาเลื่อนเวลาในฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาในอเมริกาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง เมืองที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C, Miami และ Cleveland
-
ตอนกลาง (Central Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 13 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time เมืองในเขตนี้ คือ Chicago และ Orleans
-
แถบภูเขา (Mountain Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง และช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง เมืองทีอยาในเขตนี้คือ Denver และ Phoenix
-
พื้นทีย่านมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Time Zone) เวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 15 ชั่วโมง และเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน มีกาปรับ Daylight Saving Time เมืองที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii
ประเทศนิวซีแลนด์ อยู่บริเวณ ตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแปซิฟิค ทางด้านตะวันออก และทะเลทัสมัน ทางด้านตะวันตก นิวซีแลนด์ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะเหนือ (North Island) และ เกาะใต้ (South Island) และเกาะเล็ก เกาะน้อย อีกจำนวนหนึ่ง นิวซีแลนด์มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 268,000 ตารางกิโลเมตร ขนาดจะ ใกล้เคียงกับประเทศอังกฤษ ลักษณะเกาะมีรูปร่างยาว ที่ประกอบไปด้วยชายหาด มากมาย และทะเลเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกและ เลี้ยงสัตว์ มีบ่อน้ำร้อน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ บ่อโคลนเดือด บริเวณเทือกเขา สูงมีหิมะ ขาวปกคลุม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย และสวยงาม
เกาะและเมืองที่สำคัญ ของ นิวซีแลนด์
เกาะเหนือ (North Island)
โอ๊คแลนด์ (Auckland)
เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา และอ่าวมานูเกา เป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม ของประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองแห่งการเล่นเรือใบ มีแม่น้ำไวกาโต ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาว ที่สุดในนิวซีแลนด์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่เหมาะแก่การเรียน มีโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง ใน โอ๊คแลนด์โอ๊คแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ โอ๊คแลนด์ เช่น
Auckland's Sky Tower
Mount Eden
Kelly Tarlton's
Auckland Museum
National Maritime Museum
Auckland Zoo
Auckland Regional Botanical Garden
Victoria Park Market
เวลลิงตัน (Wellington)
เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ คือ เวลลิงตัน ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายสุดของ เกาะเหนือ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลและเมืองนี้ได้รับสมญาว่าเป็น Windy city เวลลิงตันเป็นเมืองท่าที่เชื่อมระหว่าง เกาะเหนือ และเกาะใต้ ที่มีช่องแคบคุก (cook) คั่นกลาง ทำให้เกิดกระแสลมแรง เป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญ ผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ตั้งอยู่บนอ่าวของทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ มีความสำคัญในด้านการปกครอง และเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะเหนือและเกาะใต้
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ อาทิ เช่น
Wellington Zoo
Te Papa
National Opera
Wellington Botanic
National Art Gallery,
National Library,Gardens
National War Memorial
โรโตรัว (Rotorua)
โรโตรัว เป็นเมืองของนิวซีแลนด์ที่เรียกได้ว่า “เมืองแห่งสปาและการท่องเที่ยว” เนื่องจาก เมืองนี้อุดมไปด้วย แหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ ด้วยปลาเทราต์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองโบราณที่สั่งสมวัฒนธรรมของชาวเมารี ทำให้เมือง นี้เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน สำหรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองโรโตรัวอาทิเช่น
Te Whakarewarewa
Polynesian
Lake Rotorua
Rainbow Spring Farm, Ohinemutu,
Waikite Valley Thermal Pool
Skyline Skyride
Whirinaki Forest Park=
เกาะใต้ (South Island)
ไคร้สท์เชิร์ช (Christchurch)
เป็นเมืองเก่าแก่และ ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษอย่างแท้จริง มีสวนดอกไม้สวยงาม มีแม่น้ำเอวอนไหลผ่านกลางเมืองและประกอบด้วยสถาปัตยกรรมในรูปแบบของอังกฤษยุคบุกเบิก ไคร้สท์เชิร์ชถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสวนดอกไม้ตระการตา (Garden City)
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองไคร้สท์เชิร์ชอาทิ เช่น
Cathedral Square Church of England,
Botanic Gardens and Hagley Park,
Canterbury Museum,
Willowbank Wildlife Reserve,
Southern Encounter Aquarium and Kiwi House,
The Roman Catholic Basilica
Christchurch City Art Gallery
ดูนิดิน (Dunedin)
ดะเนดิน หรือ สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในเขต Otago เป็นที่ตั้ง ของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ University of Otago ปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทัวร์ธรรมชาติ (Eco-tour) เช่น ทัวร์ดูนกเพนกวิน, ทัวร์ดูแมวน้ำ, และการเดินป่าแบบธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของเมืองดะเนดินอาทิเช่น
Taieri Gorge Railway,
Royal Albatross Centre,
Centre and Westpac Aquarium,
Dunedin’s Botanic Gardens
Otago Museum and Discovery World
University of Otago
New Zealand Sports Hall of Fame,
New Zealand Marine Studies
ประชากร ของนิวซีแลนด์
ชาวนิวซีแลนด์ หรือ ชาวกีวี ปัจจุบันมีประมาณ 3.6 ล้านคน ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ และประมาณ 151,100 คนเป็นชาวเมารี (Maori) และนอกเหนือจากนั้นยังมีชาวโพลีนีเซียน จีน อินเดีย และผู้อพยพจากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนิวซีแลนด์
ศาสนา ของ นิวซีแลนด์
ประชากรส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์นับถือศาสนาคริสต ์สำหรับศาสนาอื่น เช่น ยิว อิสลาม ฮินดู พุทธ จะมีสถานที่สำหรับบูชาศาสนาของตนเองตามเมืองใหญ่ คริสต์ นิกาย Anglican, Prebyterian, Roman Catholic, Methodist, Baptist และอื่นๆ
สภาพภูมิอากาศ นิวซีแลนด์
ประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ โดยทั่วไปอากาศของนิวซีแลนด์จะสบายๆ ค่อนข้างเย็น แต่ไม่ถึงกับเย็นจัดจนหิมะตก เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้
ฤดู ช่วงเดือน เกาะเหนือ เกาะใต้ ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ 16-25 C 13-22 C ฤดูใบไม้ร่วง มีนาคม-พฤษภาคม 13-19 C 7-17 C ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม 8-13 C 2-10 C ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน 11-17 C 7-17 C เงินตรา ของนิวซีแลนด์
หน่วยเงินตราของประเทศนิวซีแลนด์ คือ NZ$ ดอลล่าห์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
ธนบัตรนิวซีแลนด์ มีมูลค่า $1, $2, $5, $10, $20, $100
เงินเหรียญที่เป็นเซ็นต์ มีมูลค่า 5 เซ็นต์, 10 เซ็นต์, 20 เซ็นต์, 50 เซ็นต์
เวลาของ นิวซีแลนด์
เวลาของประเทศนิวซีแลนด์ จะเดินเร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงระหว่างตอนต้นเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนมีนาคม ที่เวลาของนิวซีแลนด์จะเร็วกว่าประเทศไทยเป็น 6 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นช่วงเวลา Day Light Saving
ไฟฟ้าของนิวซีแลนด์
ทางประเทศนิวซีแลนด์ ใช้กระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ (V) และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขา ฉะนั้นอย่าลืมว่า ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย และถ้าหากจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยต้องใช้ Adapter ในการแปลงกระแสไฟฟ้า ให้เป็นระบบเดียวกับกระแส ไฟฟ้าซึ่งสามารถหาซื้อ Adapter ได้ที่ประเทศไทย
เชื้อชาติ ของ นิวซีแลนด์
ชนผิวขาว นิวซีแลนด์ 75 %
ชาวพื้นเมืองเชื้อสายเมารี10 %
ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายชาวเกาะแปซิฟิกใต้ 5 %
ชาวเอเชีย และ ชนชาติอื่นๆ 10 %
วัฒนธรรมและสังคม นิวซีแลนด
นิวซีแลนด์ มีวัฒนธรรม 2 แบบ คือ วัฒนธรรมคนผิวขาว ซึ่งคล้ายคลึงกับคนยุโรปและอเมริกัน และวัฒนธรรมเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคร่งครัดในเรื่อง ขนบธรรมเนียมพิธีรีตอง
[count] => 3 [state] => Array ( [100036] => Array ( [name] => AUCKLAND [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100037] => Array ( [name] => WELLINGTON [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100103] => Array ( [name] => CRISTCHURCH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [4] => Array ( [id] => 100010 [icon] => icon/flag-3.jpg [avatar] => icon/au.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => ออสเตรเลีย [detail] => ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง
ชาวนิวซีแลนด์โดยทั่วไปเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และช่วยเหลือผู้เดินทางจาก ต่างประเทศ นอกจากนั้น เป็นคนที่ถือเรื่องการรักษาการนัดหมายอย่างเคร่งครัด การให้ทิปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนัก ในประเทศนิวซีแลนด์ บางครั้งบริกรจะปฏิเสธเงินค่าทิป
พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้งและอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียมีความอุดมสมบูรณ์มาก ฝนตกชุก ที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ โคอะล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสซั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด
สภาพภูมิอากาศ
ออสเตรเลียแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสมาเนีย ประมาณ 0-12องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 33-34องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
- ฤดูหนาว : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
- ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
ปัจจุบันออสเตรเลียมีประชากร 19 ล้านคน อาศัยอยู่หนาแน่นแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรมกว่า 140 ประเทศที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสังคมแบบสหวัฒนธรรม
ประชากร
เวลา
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่างของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time, GMT) โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้
- Eastern Standard Time-EST เร็วกว่าเวลา GMT 10 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria , Tasmania , Queensland และ Canberra
- Central Standard Time - CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5 ชั่วโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง Northern Territory
- Western Standard Time - WST เร็วกว่าเวลา GMT 8 ชั่งโมงและเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia
รัฐและเมืองต่างๆ
ออสเตรเลียประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล
- Australian Capital Territory มณฑลนครหลวงของออสเตรเลีย แคนเบอร์ร่า ( Canberra ) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างดีเยี่ยม เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับชาติ และหน่วยงานสถานทูตของประเทศต่างๆ รวมทั้งสถานทูตไทย
- New South Wales นิวเซาท์เวลส์ เมืองหลวงชื่อซิดนีย์ ( Sydney ) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วย เป็นรัฐที่พัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคัก มีสีสัน มีชีวิตชีวา สัญลักษณ์ของเมืองคือโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ( Sydney Harbour Bridge )
Queensland ควีนส์แลนด์ เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีเมืองหลวงคือบริสเบน ( Brisbane ) รัฐนี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีแสงแดด ( Sunshine State ) มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกชื่อ Great Barrier Reefs มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์
South Australia เซาท์ออสเตรเลีย เมืองหลวงชื่อ อะดิเลด ( Adelaide ) ครั้งหนึ่งเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งเทศกาล" เนื้อที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งมีพื้นที่เกษตรกรรมเพียง 10% ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ชั้นเยี่ยม
Tasmania ทัสมาเนีย เมืองหลวงคือโฮบาร์ต ( Hobart ) ทัสมาเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขาและที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของออสเตรเลีย เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ทัสมาเนีย ( University of Tasmania )
Western Australia เวสเทอร์นออสเตรเลีย เมืองหลวงคือเพิร์ธ ( Perth ) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 12,500กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตเพชรได้มากเป็นอันดับสามของโลก เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงามและอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
Victoria วิคตอเรีย รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงคือเมลเบิร์น เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองและ เป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามากเป็นอันดับสอง
การปกครอง
รัฐบาลสหพันธรัฐรับผิดชอบกิจการระดับประเทศ เช่นการป้องกันประเทศ การต่างประเทศ ส่วนรัฐบาลในระดับรัฐ ดูแลด้านการศึกษาการคมนาคม ขนส่ง การบริหารสาธารณสุข การเกษตร การรักษากฎหมายภายในรัฐของตน และรัฐบาลระดับท้องถิ่น ดูแลสาธารณูปโภค การระบายน้ำ การขจัดของเสีย สวนสาธารณะ ห้องสมุดประชาชน
ไฟฟ้า
ใช้กระแสไฟฟ้า 240-250 V, AC 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา ถ้าจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเมืองไทย เช่น วิทยุ ต้องใช้ Adapter ซึ่งหาซื้อได้ทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลีย
ประปา
น้ำประปาสะอาด สามารถใช้สำหรับดื่มได้
ศาสนา
ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีศาสนาอื่นๆ เช่น พุทธ อิสลาม และยิว ด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยออสเตรเลียให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา วัฒนธรรม เนื่องจากประชากรแต่เดิมส่วนใหญ่อพยพมาจากทวีปยุโรป จึงทำให้วัฒนธรรมเป็นแบบตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์
สกุลเงิน
สกุลเงินตราของประเทศออสเตรเลียคือ ดอลลาร์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
- เหรียญสีเงิน 5 เซ็นต์ , 10 เซ็นต์ , 20 เซ็นต์ , 50 เซ็นต์
- เหรียญสีทอง 1 ดอลลาร์ , 2 ดอลลาร์
- ธนบัตร 5 ดอลลาร์ , 10 ดอลลาร์ , 20 ดอลลาร์ , 50 ดอลลาร์ , 100 ดอลลาร์
[count] => 12 [state] => Array ( [100029] => Array ( [name] => SYDNEY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100030] => Array ( [name] => BRISBANE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100031] => Array ( [name] => MELBOURNE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100032] => Array ( [name] => ADELAIDE [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100033] => Array ( [name] => PERTH [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100034] => Array ( [name] => CAIRNS [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100035] => Array ( [name] => GOLD COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100104] => Array ( [name] => BYRON BAY [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100105] => Array ( [name] => NOOSA [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100106] => Array ( [name] => SUNSHINE COAST [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100107] => Array ( [name] => SURFERS PARADISE [detail] => Surfers Paradise [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) [100109] => Array ( [name] => Darwin [detail] => [meta_title] => [meta_descript] => [meta_keyword] => ) ) ) [5] => Array ( [id] => 100012 [icon] => icon/flag-4.jpg [avatar] => icon/ca.png [pinned] => 1 [active] => 1 [name] => แคนาดา [detail] => แคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือพระราชินีอลิซาเบธที่สองเป็นกษัตริย์ ( หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับของสหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง แม้จะเป็นบุคคลเดียวกัน โดยมงกุฎและบัลลังก์นั้นใช้คนละแบบ ไม่ได้ใช้ร่วมกัน )
การแบ่งเขตการปกครอง แคนาดาเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 10 รัฐ (provinces ) และ 3 ดินแดน ( territories ) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรัฐกับดินแดนคือ รัฐของแคนาดาได้รับมอบอำนาจจากบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง ขณะที่ดินแดนของแคนาดาจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายของสหพันธรัฐ ดังนั้น รัฐบาลสหพันธ์จึงมีอำนาจโดยตรงในการควบคุมดูแลดินแดน ส่วนรัฐบาลของรัฐนั้นจะมีอำนาจและสิทธิในการปกครองตนเองมากกว่า
รัฐและดินแดนของแคนาดามีรายชื่อดังต่อไปนี้
- แอลเบอร์ตา
- บริติชโคลัมเบีย
- แมนิโทบา
- นิวบรันสวิก
- นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์
- โนวาสโกเชีย
- ออนแทรีโอ
- ปรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์
- ควิเบก
- ซัสแคตเชวัน
ดินแดน
- นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
- นนาวต
- ยูคอน
รูปแบบการปกครอง
แบบสหพันธรัฐประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แคนาดาจัดเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งหมายความว่า อำนาจการบริหารจะมีการจัดสรรให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมณฑลและเขตปกครองสามารถปกครองตนเองได้
ผู้นำรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นองค์พระประมุข ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเป็นผู้แทนพระองค์
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิก และรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เมืองหลวง กรุงออตตาวา
สภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศของแคนาดามีความหลากหลายตั้งแต่ขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็นเป็นน้ำแข็งที่เส้นรุ้งที่70 ไปจนถึงแนวป่าอันเขียวขจีของแถบชายฝั่งตะวันตกของบริติชโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว แคนาดามีฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด 4 ฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแถบภูมิภาคใกล้ชายแดนสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น อุณหภูมิในช่วงกลางวันของฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 25องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วงจะอยู่ในระดับปานกลาง
หลายปีที่ผ่านมา ชาวแคนาเดียนได้ปรับตัวอย่างมากให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ โดยการติดตั้งเครื่องทำความร้อนในที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงระบบขนส่งมวลชน ที่มีการติดตั้ง ระบบความร้อนเช่นเดียวกับที่ทางเดินระหว่างอาคารในสถานศึกษา
เศรษฐกิจ
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ถึงร้อยละ 45 สำหรับการส่งออก และร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้า รูปแบบการค้าและการลงทุนของแคนาดาจะพึ่งพิงกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออก อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( North American Free Trade Agreement: NAFTA ) ซึ่งยิ่งช่วยเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
แคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (
สำหรับระบบภาษีนำเข้าของแคนาดาประมาณ ร้อยละ 90 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 อีกทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศด้อยพัฒนา ยกเว้นในสินค้าประเภทนม สัตว์ปีกและไข่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ ทองคำ ถ่านหิน เหล็ก นิกเกิล โพแทช ยูเรเนียม สังกะสี รวมทั้งป่าไม้
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่ เครื่องยนต์ รถยนต์ กระดาษ ไม้เนื้ออ่อน พลังงานปิโตรเลียมดิบ แก๊สธรรมชาติ ไฟฟ้า อะลูมิเนียม อุปกรณ์สื่อสาร ชิ้นส่วนอากาศยาน ระบบคอมพิวเตอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเยอรมนี
ภาคการบริการเป็นภาคกิจการที่สำคัญที่สุดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารชั้นนำของแคนาดา 6 แห่ง เป็นหนึ่งใน 100 ธนาคารชั้นนำของโลก และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมถึงธนาคารโนวาสโกเชีย ซึ่งมีสาขาอยู่ในไทยด้วย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ทำให้แคนาดาสามารถพัฒนาความก้าวหน้าในภาคกิจการนี้เป็นอย่างมาก
อุตสาหกรรมที่สำคัญของแคนาดา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารและคมนาคม เหมืองแร่ และพลังงาน
ประชากร
32.14 ล้านคน (เมษายน 2548)
วัฒนธรรม
สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2543 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
โดยในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) รัฐสภาแคนาดาได้ออกกฎหมายคนเข้าเมืองตามข้อเสนอของพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้จนทุกวันนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการยกเลิกการเลือกปฏิบัติ ( ก่อนหน้านี้ มีการออกกฎหมายปี พ.ศ. 2430 ( ค.ศ. 1887 ) เพื่อกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน และต่อมาปี ค.ศ. 1910 ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น preferred ซึ่งคือ กลุ่มคนยุโรป และ non-preferred ได้แก่ กลุ่มที่ไม่ใช่ยุโรป ) กล่าวคือ การเปิดรับคนเข้าเมืองจากทุกที่อย่างเป็นทางการทั่วไป และการใช้วิธีการคิดคะแนนประเมินน้ำหนัก ( point system ) ว่าสมควรรับผู้ใดเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี - คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือ การส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สังคมแคนาดาจะสนใจอย่างยิ่งต่อพัฒนาการในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน- ตั้งอยู่ที่เซนต์จูเลี่ยน ฝั่งตะวันออกของประเทศมอลต้า
- มีแหล่งชอปปิ้งมากมาย
- หลากหลายความบันเทิงยามค่ำคืน
สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส เซนต์จูเลี่ยน อยู่ในทำเลที่มีอากาศดี อาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษ เป็นอาคารก่อสร้างด้วยหินสวยงามสไตล์กรีก ทางเดินรูปโค้งไสตล์โรมันที่คุณจะต้องประทับใจเมื่อได้เห็น สถาบันตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบบนอ่าวเซนต์จูเลี่ยน และใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่เรียกว่า Paceville
สถาบันมีห้องเรียนติดแอร์เกือบทั้งหมด มีอพาร์ทเมนต์ ห้องอาหาร และสวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และสนามวอลเล่ย์บอลชายหาดครบครัน มอลต้าเป็นประเทศที่มีแดดออกตลอดทั้งปีเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และท่องเที่ยว และนี่จึงทำให้โรงเรียนสปร๊าคคาเฟ่ เซนต์จูเลี่ยน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียน และพักผ่อนที่ดีที่สุด
หากคิดเรียนภาษาอังกฤษและต้องการความสนุกสนานในอากาศแบบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ลองดูที่ทางตอนใต้ของยุโรปสิ เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเกาะซิซิลีของอิตาลี และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ที่นี่มีแสงแดดส่องตลอดทั้งปีเหมือนแอฟริกาเหนือ มอลต้ามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยถูกครอบครองจากชาวโรมัน ชาวโฟนีเชี่ยน ชาวฝรั่งเศส และชาวอังกฤษ จึงทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชาวมอลต้านับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค ที่นี่มีวันหยุดทางศาสนามากที่สุด และมีจำนวนโบสถ์มากที่สุดเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มอลต้าเป็นประเทศที่น่าเรียนภาษาอังกฤษก็เพราะ มรดกที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ที่อังกฤษยึดครองมอลต้าเพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มอลต้าก็เหมือนประเทศอาณานิคมอื่นๆ เมื่อหลังจากถูกอังกฤษยึดครอง ก็ได้บังคับใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ระบบการศึกษาก็เป็นแบบอังกฤษ นอกจากนั้นสถาบันภาษาของมอลต้าก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ชาวมอลตีสมีบุคลิคลักษณะเหมือนชาวเมดิเตอร์เรเนี่ยน พวกเขาผสมผสานทั้งความเป็นอิตาลี สเปน และอังกฤษเข้าด้วยกัน พวกเขาขับรถทางซ้ายเหมือนที่อังกฤษ มีการนอนหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายเหมือนที่อิตาลี และสเปน ถึงอย่างไรก็ตามคนมอลตีสก็เป็นคนไม่มีทิฐิ เปิดใจกว้างสนใจในวัฒนธรรมของชนชาติอื่น และสนุกสนาน
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี ทำไมเลือกเรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน และก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สระน้ำที่มีขนาดใหญ่หนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
บรรยากาศภายในสถาบัน
ภายในโรงเรียนและที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์ คุณจะได้พบกับสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นบาร์ ร้านอาหาร ดิสโก้ ภายในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเราที่เซนต์จูเลี่ยน คุณสามารถใช้เวลาว่างได้ที่นี่ และบรรยากาศสวนโดยรอบๆ จะทำให้คุณมีความรู้สึกผ่อนคลายและสามารถเรียนรู้ได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน:
- อุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย
- เครื่องปรับอากาศทุกห้องเรียน
- ห้องสมุดและคอมมอนรูมสำหรับศึกษาเพิ่มเติม
- อินเตอร์เน็ต, free wi-fi สำหรับนักเรียน
- เลาจ์ พร้อมทีวี เครื่องเล่น DVD โต๊ะพูลและอื่นๆ
สำหรับคนที่ชอบในการกีฬา หลักเลิกเรียนคุณสามารถว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ หรือชายหาด เช่นวอลเลย์บอลชายหาดภายในวิทยาเขตของโรงเรียน ใกล้กับห้างสรรพสินค้า และมีศูนย์การสอนดำน้ำ
สถานที่ตั้งของสถาบัน
หากคุณได้เห็นสถาบันของเรา คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบันของเราจึงตื่นตาตื่นใจ และตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักเรียนอยู่เสมอ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งตัวอาคารได้รับแรงบัลดาลใจมาจากกรีซ และโรมัน
สถาบันของเราตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบที่สุดของเมืองเซนต์จูเลี่ยน แต่ก็ยังเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหนึ่งในสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ บาร์ ร้านอาหาร สวน อพาทเม้นท์ ห้องเรียน และพื้นที่สำหรับเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด หรืออาบแดด รวมทั้งมีสนามเทนนิสให้เช่าเปิดบริการเช่นกัน
ห่างออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็จะพบกับย่านการค้าของเมืองเซนต์จูเลี่ยน ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร, บาร์ และร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งดิสโก้ และคลับต่าง ๆ มากมาย
กิจกรรมพิเศษ
ทางสถาบันมีทีมงานที่คอยจัดกิจกรรมสำหรับหลังคาบเรียน และช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม, ท่องเที่ยว และกีฬาต่างๆ
เรียนภาษาอังกฤษที่เซนต์จูเลี่ยน
เรียนภาษาอังกฤษ- หลักสูตรเข้มข้น, เตรียมสอบ, ตัวต่อตัว, หลักสูตรธุรกิจ และอื่นๆ
- ราคารวมการสอบวัดระดับ และ certificate แล้ว
- สอนโดยอาจารย์เจ้าของภาษา
- หลักสูตรมีความยืดหยุ่นเหมาะกับนักเรียน
มอลต้าไม่ได้มีเพียงแค่มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงแดดสาดส่องตลอดทั้งปี ชายหาดและน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษกับผู้คนชาวมอลตีสที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการและมีความเป็นมิตรด้วย บรรยากาศที่ผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ! โดยเรามีครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ กาสื่อสาร บรรยากาศที่สนุกสนานให้การเรียนในห้องเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
คุณจะได้ทำการทดสอบระดับภาษาของคุณ เพื่อให้สามารถจัดคุณเข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับคุณได้ ในห้องเรียนคุณจะได้ร่วมทำกิจกรรม แสดงความคิดเห็นร่วมกัน การถามและการตอบ แสดงบทบาทสมมุติ รวมทั้งหลักสูตรการฟังและการอ่าน
หลักสูตรของเรา
Sprachcaffe Languages PLUS มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย สามารถดูได้ตามตารางด้านล่าง ซึ่งสถาบันของเรามีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อาจารย์ผู้สอนมืออาชีพที่มีคุณภาพ และเป็นเจ้าของภาษา
- วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเข้าใจง่ายแม้เป็นผู้เริ่มเรียน
- หลักสูตรการสอนที่ออกแบบโดยทางสถาบัน มีจำนวนระยะเวลาเรียนที่เหมาะสม ทั้งหลักสูตรและอุปกรณ์
การเรียนมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Course details Lessons per Week* Minimum Duration Group Size More Info Standard Course 20 2 weeks 10 "More Info" Intensive Course 30 1 week 10 "More Info" One to One Course 10, 20 or 30 1 week 1 "More Info" ** FCE, CAE Exam Preparation Course 20 10/12 weeks 10 "More Info" ** Standard Course/ IELTS Exam Preparation 20 12 weeks 10 "More Info" *** Standard Course/ University Pathways 20 12 weeks 10 "More Info" *1 บทเรียน = 45 นาที
**ยังไม่รวมค่าสอบ
Study Club จะเป็นโปรแกรมใหม่ที่ทางสถาบันเพิ่มเติมให้นักเรียนในปี 2019 โดยจะเป็นระยะเวลา 2 บทเรียน หรือ 1.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ฟรี ซึ่ง รวมอยู่ในทุกหลักสูตรที่นักเรียนเลือกเรียน นักเรียนสามารถใช้เวลาตรงส่วนนี้ พูดคุยกับครูผู้สอนให้ช่วยสอน ให้คำแนะนำในส่วนของการบ้าน และอื่นๆ รวมทั้ง Resume ในการสมัครงาน ซึ่งครูของทางเราจะช่วยนักเรียนในการ รีวิว และแนะนำการเขียนทางด้านภาษา ไวยกรณ์ และอื่นๆ
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เซนต์จูเลี่ยน
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก- มีที่พักหลายประเภทให้เลือก
- เปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นและเพื่อนต่างชาติ
- ที่พัก อพาร์ทเม้นท์ โฮมสเตย์ หรือสตูดิโอ
เมื่อคุณสมัครเรียนภาษากับ สถาบันภาษาสปร๊าคคาเฟ่-แลงเควจเจสพลัส จะมีที่พักให้เลือกหลายประเภท ซึ่งเราจัดไว้ให้เหมาะสมกับการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และให้สนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่ ในที่พักที่แสนสบาย ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่ซึ่งจะทำให้คุณอยู่สบายเหมือนอยู่บ้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกที่พักแบบใด ที่พักทุกประเภทของเราสามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แบบอพาร์ทเม้นท์เป็นการพักกับเพื่อนักเรียนจากนานาชาติ หากต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องน้ำและห้องครัวคุณสามารถเลือกพักแบบสตูดิโอได้ หรือจะเลือกพักกับโฮมสเตย์ซึ่งเป็นคนในท้องถื่นของประเทศนั้นๆ
นอกจากการเรียนภาษาในห้องเรียนแล้ว ยังได้ฝึกฝนภาษาใหม่นี้ในชีวิตประจำวันกับคนอื่นๆที่ได้พบเจออีกด้วย
Standard Apartment- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อาหารเช้าอาหารสองมื้อหรืออาหารสองมื้อที่
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
- อยู่ในสถาบันหรือสูงสุด เดิน 10 นาที
Comfort Apartment
- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- ห้องพักกว้างขวาง. ห้องพักกว้างขวาง
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องครัวและห้องน้ำใช้ร่วมกัน
Studio- ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่
- อยู่ในมหาวิทยาลัย
- เครื่องปรับอากาศ
- ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมอุปกรณ์ทำอาหาร
-
กิจกรรมนอกห้องเรียน
กิจกรรม - ท่องโลกใต้น้ำ
- ศิลปะจากธรรมชาติที่ Gozo
- พักผ่อนที่ Mdina’s narrow alleyways
- บันเทิงยามค่ำคืนที่ Paceville
-
เวลาว่าง
ที่มอลต้า มีกิจกรรมมากมายที่รอคุณอยู่ ไม่เพียงแต่โลกใต้น้ำแสนสวยงาม เนื่องจากมอลต้าเป็นเกาะเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเกาะ จึงอยู่ใกล้ๆกัน เเละสามารถท่องเที่ยวเเละเดินทางง่าย อีกทั้งเทศกาลที่มีสีสัน, วัฒนธรรม, ละคร, กีฬา, โรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงยามค่ำคืน เรียกได้ว่ามอลต้ามีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ที่นี่มีอาคารเก่าแก่ที่น่าสนใจ เเละเหมาะกับการพักผ่อน อีกทั้งยังมีสวนวัลเลตตาเเละถนนที่เงียบสงบของ Mdina สามารถเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาใน Paceville เเละสำหรับผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม, มอลต้ายังมีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์และงานศิลปะที่มีคุณค่า
เเละ คุณสามารถใช้บริการเรือข้ามฟาก ข้ามต่อไปยังซิซิลี ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายรับรองว่ามอลต้าจะทำให้คุณประทับใจเเละไม่เบื่อเลย
เที่ยวที่ St Julian's
นอกจากการเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน ประเทศมอลต้า คุณยังจะได้สัมผัสและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 7,000 ปี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายบนเกาะนี้ ประเทศมอลต้าจะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามที่จะสะกดคุณด้วยสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
สภาพภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศ
เกาะมอลต้าตั้งอยู่ระหว่างเมืองซิซิลี และชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแดดตลอดปี และมีพิ้นที่คล้ายคลึงกับสไตล์แอฟริกาเหนือ มอลต้ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากกว่าเกาะอื่น ๆ บนโลกนี้
อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงถึง 18.7 องศา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองวัลเลตตา ซึ่งเชื่อถือได้และอุณหภูมิมักจะใกล้เคียงของเดิมเสมอ และสามารถใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลของพื้นที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน
วัฒนธรรมชาวมอลต้า
อาจจะกล่าวได้ว่าประเทศมอลต้าเป็นประเทศที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ที่หลากหลาย แต่จะได้รับอิทธิพลมากที่สุดจากวัฒนธรรมอิตาลีและอังกฤษ
ช้อปปิ้งที่เมืองเซนต์จูเลี่ยน
ที่เมืองเซนต์จูเลี่ยนคุณจะได้พบกับตลาดมากมายที่มีสีสัน ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าของคุณผู้หญิง, ร้านเสื้อผ้าชื่อดังจากยุโรป และสถานที่อีกมากมายที่รอคุณไปเยือน
parameters
Array ( [0] => 100337 )
354 } 355 } 356 357 // Call the requested method. 358 // Any URI segments present (besides the class/function) will be passed to the method for convenience 359 call_user_func_array(array(&$CI, $method), array_slice($URI->rsegments, 2)); 360 } 361 362 363 // Mark a benchmark end point 364 $BM->mark('controller_execution_time_( '.$class.' / '.$method.' )_end');
-
FCPATH/index.php [ 222 ] » require_once(arguments)
0
D:\webspace\inter-study.com\httpdocs\system\core\CodeIgniter.php
217 * 218 * And away we go... 219 * 220 */ 221 222 require_once BASEPATH.'core/CodeIgniter.php'; 223 224 /* End of file index.php */ 225 /* Location: ./index.php */